การตลาดออนไลน์ คืออะไร ต่างจากการตลาดออฟไลน์อย่างไร?Online Marketingการตลาดออนไลน์ คืออะไร ต่างจากการตลาดออฟไลน์อย่างไร?

การตลาดออนไลน์ คืออะไร ต่างจากการตลาดออฟไลน์อย่างไร?

การตลาดออนไลน์ คือ

การตลาดออนไลน์ คืออะไร ? ในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัลไปอย่างมากมาย ทำให้ “สื่อออนไลน์” ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่เข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันมากขึ้น ทำให้สื่อออนไลน์ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในด้านการซื้อ-ขายสินค้า เนื่องจากผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าได้ง่าย ๆ เพียงแค่ใช้สมาร์ตโฟน

แต่ในทางกลับกันนักการตลาดก็สามารถใช้สื่อออนไลน์ทำกลยุทธ์การตลาด หรือที่เรียกว่าการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) เพื่อช่วยเพิ่มยอดขาย และเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้างได้ ซึ่งบทความในวันนี้ คอมม่อน กราวด์ จะมาอธิบายว่า การตลาดออนไลน์ คือ อะไร และมีความแตกต่างจากการตลาดออฟไลน์อย่างไร ถ้าพร้อมแล้วไปดูกัน

การตลาดออนไลน์ คือ อะไรทำไมถึงได้รับความนิยม

การตลาดออนไลน์ (Online Marketing) คือวิธีโปรโมตธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักในวงกว้างจนนำไปสู่การเพิ่มยอดขาย และฐานลูกค้า อีกทั้งยังสร้างผลลัพธ์ให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว

โดยการตลาดออนไลน์จะเกิดขึ้นบนสื่อออนไลน์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดียแพลตฟอร์ม หรือแอปพลิเคชัน เป็นต้น ซึ่งวิธีการทำก็มีให้เลือกหลายรูปแบบ อย่าง การทำโฆษณาบน Google, Facebook, Youtube หรือแม้แต่การเขียนบล็อก (Blog) ลงเว็บไซต์ 

แต่ความจริงแล้วการตลาดออนไลน์สามารถทำได้หลายช่องทาง ขึ้นอยู่กับว่าธุรกิจของคุณมีวัตถุประสงค์ทางการตลาดอย่างไร และมีงบประมาณมากน้อยแค่ไหน รวมถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเข้าถึงเป็นใคร โดยช่องทางการทำการตลาดออนไลน์หลัก ๆ เป็น 4 ช่องทาง ดังนี้

  • Search Engine Marketing (SEM)

ช่องทางการทำการตลาดบน Search Engine โดยมีหลักการง่าย ๆ คือ การทำให้เว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรก เพื่อให้กลุ่มเป้าหมาย (Targeting) ค้นหาสินค้า และบริการของคุณได้ง่ายที่สุด

ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ การซื้อโฆษณาบน Google (Paid Search) ในรูปแบบของ Pay Per Click (PPC) และการทำ SEO (Organic Search) เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

  • Email Marketing

การทำการตลาดผ่านช่องทางอีเมล เพื่อประชาสัมพันธ์ โฆษณา และนำเสนอข่าวสารของแบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งวิธีนี้เป็นหนึ่งในการทำการตลาดที่ไม่ต้องใช้ต้นทุนมาก เมื่อเทียบกับการตลาดรูปแบบอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ

  • Social Media Marketing

การทำการตลาดผ่านแพลตฟอร์ม Social Media อย่าง Facebook, Line, Instagram หรือ Tiktok เป็นต้น โดยการเลือกแพลตฟอร์มสำหรับการทำการตลาดควรดูกลุ่มเป้าหมายของแพลตฟอร์ม และตัวสินค้าให้ตรงกัน เพื่อจะได้สร้างคอนเทนต์ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย

  • Banner

การทำการตลาดด้วยวิธีการใช้แบนเนอร์ (Banner) ในการโปรโมตสินค้า โดยไปติดไว้บนเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่เป็นชนิดเดียวกับสินค้าของคุณ เช่น การสร้าง Banner สินค้าเครื่องสำอางไว้บนเว็บไซต์ของคนที่ชอบดูแลตัวเอง เป็นต้น

ข้อดีของการทำการตลาดออนไลน์ คืออะไรบ้าง

การตลาดออนไลน์ คือ

  • เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด

การค้นหาข้อมูลผ่าน Search Engine จะพบเว็บไซต์ที่กลุ่มเป้าหมายได้ค้นหาข้อมูล ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ตอบโจทย์ปัญหาของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด 

  • เป็นเจ้าของช่องทางบนแพลตฟอร์มออนไลน์ไม่เสียค่าใช้จ่าย

ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Line, Youtube หรือ Email นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งช่องทางที่ไม่ว่าใครก็สามารถเป็นเจ้าของร้านค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม อาทิ Facebook Page อย่างไรก็ตามการที่จะสร้างยอดขายได้มาก หรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับการดูแลโดยผู้ที่มีความรู้ และมีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยเฉพาะ 

  • สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น

เนื่องจาก การตลาดออนไลน์สามารถส่งสารไปถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทุกช่องทางบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะ Google ซึ่งจะดีกว่าไหมถ้าสินค้า หรือบริการของคุณปรากฏอยู่บนแพลตฟอร์มนี้ที่กลุ่มเป้าหมายต้องการค้นหา และเจอเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น ส่งผลให้แบรนด์มีการรับรู้ (Awareness) ที่กว้างมากขึ้น และช่วยเพิ่มยอดขายได้ในที่สุด

  • มีการอัปเดตเทรนด์ตลอดเวลา

การตลาดออนไลน์ทำให้คุณได้รู้การเคลื่อนไหวของทุกเรื่องบนโลกออนไลน์ โดยผู้บริโภคสามารถโต้ตอบได้ทันที เช่น ชอบกดไลก์ ใช่กดแชร์ และเปิดโอกาสให้ผู้คนแสดงความคิดเห็น ทำให้เจ้าของธุรกิจเข้าใจ และรับรู้ถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค

  • ยอดขายเพิ่มขึ้น

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า Online Marketing มีส่วนเข้ามาช่วยในเรื่องของยอดขายได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการชอปปิ้งออนไลน์ หรือการจองที่พักออนไลน์ ก็สามารถทำได้ทันที เพียงแค่คลิกเดียวบนสมาร์ตโฟนคุณก็สามารถซื้อของได้สะดวกสบายมากขึ้น

  • สามารถวัดผลได้

สำหรับธุรกิจแล้วฟีดแบค (Feedback) จากผู้บริโภคเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญในการกำหนดทิศทางของธุรกิจให้เติบโต และเดินไปข้างหน้า เพื่อที่จะนำฟีดแบคจากผู้บริโภคทั้งข้อดี-ข้อเสียมาปรับปรุง หรือพัฒนา และต่อยอดธุรกิจให้ดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งสามารถวัดผลได้หลายรูปแบบ อย่าง Impression, Click หรือ ROI เป็นต้น 

การตลาดออฟไลน์ (Offline Marketing) คืออะไร ?

การตลาดออฟไลน์ (Offline Marketing) คือ การสื่อสารของแบรนด์โดยใช้ช่องทางโฆษณาแบบดั้งเดิม อย่าง การโฆษณาทางโทรทัศน์ วิทยุ ป้ายโฆษณา หนังสือพิมพ์ รวมไปถึงการนำสินค้าของแบรนด์ไปโชว์ตามงานอีเวนต์ หรืองานแสดงสินค้า เป็นต้น

การตลาดออฟไลน์ มีกี่แบบ ?

  • โฆษณา

โฆษณา เป็นรูปแบบการตลาดออฟไลน์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น โฆษณาในโทรทัศน์ บิลบอร์ด โฆษณาติดข้างรถเมล์ หรือโปสเตอร์ ใบปลิวตามสถานีรถไฟฟ้าต่าง ๆ

  • การประชาสัมพันธ์

การประชาสัมพันธ์ เป็รการสื่อสารจากแบรนด์ผ่านเครื่องมือประชาสัมพันธ์ อย่าง สื่อสารมวลชน เช่น นิตยสาร หนังสือพิมพ์ วารสาร เป็นต้น

  • อีเวนต์

การตลาดผ่านงานอีเวนต์ เป็นการตลาดของแบรนด์เชิงกิจกรรม เพื่อเข้าถึง และทำความรู็จักกับกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็น การออกบูธตามห้าง งาน Expo หรือสนับสนุนคอนเสิร์ตของศิลปิน เพื่อโปรโมตสินค้า หรือบริการของแบรนด์

  • จัดโปรโมชัน

การจัดโปรโมชัน เป็นการตลาดที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักแบรนด์มากขึ้น และกระตุ้นการมีส่วนร่วมของกลุ่มเป้าหมายโดยมีของรางวัลเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน อาทิ การลงทะเบียนเพื่อรับรางวัล หรือส่วนลดพิเศษ และการสะสมแต้มเพื่อแลกของรางวัล เป็นต้น

ความแตกต่าง ระหว่างการตลาดออนไลน์ และการตลาดออฟไลน์

ก่อนที่จะไปดูความแตกต่างของการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) และการตลาดออฟไลน์ (Offline Marketing) เรามาทำความรู้จักกับการตลาดออฟไลน์กันก่อนว่าคืออะไร ?

ซึ่งการตลาดออฟไลน์ เป็นการทำการตลาดในรูปแบบเก่า โดยไม่มีการใช้อินเทอร์เน็ตแต่เน้นการสื่อสารทางเดียว เช่น โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ หรือป้ายโฆษณาต่าง ๆ ที่เป็นการสื่อสารอย่างชัดเจน 

อย่างไรก็ตาม การทำการตลาดทั้งสองแบบมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งนี้การตลาดออฟไลน์ คือการทำทุกอย่างให้กลุ่มเป้าหมายมองเห็น และจับต้องได้โดยไม่ใช้อินเทอร์เน็ต

แต่การตลาดออนไลน์ จะเน้นการทำการตลาดบนสื่อออนไลน์ ที่ใช้ช่องทางมากมาย เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุดผ่านทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ทั้งยังง่ายต่อการขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องทุ่มงบประมาณมากเท่าการตลาดออฟไลน์

กล่าวสรุป คือ ในการทำการตลาดทั้งสองรูปแบบ มีวิธีการ และกระบวนการที่เหมือนกัน แต่จะต่างกันในเรื่องของแพลตฟอร์ม หรือพื้นที่ในการนำเสนอ นอกจากนี้ การตลาดออฟไลน์จะใช้เวลาค่อนข้างนาน และใช้งบประมาณสูงกว่าการตลาดออนไลน์ สุดท้ายนี้หวังว่าทุกคนจะได้รู้เกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ คือ อะไร และมีความแตกต่างจากการตลาดออฟไลน์อย่างไรบ้าง

สำหรับใครที่ต้องการหาผู้เชี่ยวชาญ หรือที่ปรึกษาในการทำการตลาดออนไลน์ที่มีคุณภาพ และช่วยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ คอมม่อน กราวด์ เอเจนซี ยินดีให้บริการ ด้วยประสบการณ์กว่า 6 ปีที่จะคอยดูแลธุรกิจของคุณให้มีคุณภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภค สามารถติดต่อเราได้ที่

Tel.081-426-6695
Email: [email protected]
Facebook Page: Common Ground