เผยคำตอบ ! อยากทำ SEO ต้องเป็นสายครีเอทีฟ หรือสายเทคนิค ?
สิ่งสำคัญในการทำธุรกิจออนไลน์ที่ผู้ประกอบการต้องมี คือ เว็บไซต์ เนื่องจากเว็บไซต์เป็นตัวกลางที่เชื่อมระหว่างผู้บริโภค และธุรกิจบนโลกอินเทอร์เน็ต ทั้งยังช่วยให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์ของคุณมากขึ้น
ว่าธุรกิจของคุณมีสินค้า หรือบริการที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง นอกจากกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ การโปรโมตสินค้า การออกแบบเว็บไซต์ให้มีความน่าสนใจแล้ว ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ผู้คนเห็นเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น
ซึ่งก็คือการทำ SEO เป็นการผลักดันเว็บไซต์ให้ติดอันดับค้นหาบนหน้า Search Engine ดังนั้น บทความในวันนี้ Common Ground จะมาบอกคำตอบว่า SEO ต้องเป็นสาย Creative หรือสายเทคนิค พร้อมอธิบายหน้าที่ของ SEO จะเป็นอย่างไรไปดูกัน
เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
SEO Content และ SEO Specialist แตกต่างกันอย่างไร ?
SEO หรือ Search Engine Optimization คือ กระบวนการที่ช่วยเพิ่มจำนวนผู้คนที่มีคุณภาพให้เข้าชมเว็บไซต์ธุรกิจของคุณ (Traffic) โดยปกติแล้วเว็บไซต์ที่ปรากฏในอันดับแรก ๆ แน่นอนว่าต้องถูกคลิกเพื่อเข้าชมบ่อยกว่าเว็บไซต์ที่อยู่ในหน้าถัดไป ซึ่ง SEO จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ
SEO Specialist
SEO Specialist คือ ผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจกลยุทธ์ SEO และทำให้เว็บไซต์ติดอันดับบนหน้าแรกของ Google ได้ ซึ่งการทำเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรกมีองค์ประกอบหลายอย่าง
ไม่ว่าจะเป็น การทำ Backlink, Link Building, การทำ Structure Data, Sitemap, On-Page, Off-page และการปรับแต่งประสิทธิภาพของเว็บไซต์ในเชิงเทคนิคอีกมากมาย โดยทักษะพื้นฐานของ SEO Specialist มีดังนี้
- เข้าใจพื้นฐาน SEO เพื่อให้รู้การทำงานของ Search Engine
- มีเว็บไซต์ของตัวเองเพื่อทดลองทำ และทดสอบความรู้พื้นฐาน
- เรียนรู้โปรแกรมทำเว็บไซต์
- มีความรู้เกี่ยวกับ Google Analytics, Google Search Console
- ศึกษาเครื่องมือ Keyword Research Tools
- รู้หลักเกณฑ์ประเมินคุณภาพของ SEO
- รู้จัก Google SERP
- เข้าใจเทคนิค SEO เช่น การปรับความเร็วเว็บไซต์ และอื่น ๆ
นอกจากนี้ SEO Specialist ยังมีหน้าที่ในการหาคีย์เวิร์ด (Keyword), การทำ Site Structure, การวางแผนเพื่อสร้างคอนเทนต์ให้ถูกต้องตามหลัก SEO, การทำ Link Building และการเช็ก Performance ของเว็บไซต์ เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติม : SEO Specialist สำคัญต่อธุรกิจออนไลน์อย่างไร
SEO Content Writer
SEO Content คือ การเขียนบทความเพื่อเป้าหมายของ SEO โดยเฉพาะ ซึ่งการเขียนบทความเพื่อทำ SEO ต้องเขียนให้เนื้อหา หรือคอนเทนต์มีความน่าสนใจ และเป็นธรรมชาติ
แต่ทั้งนี้ก็ต้องเขียนเนื้อหาให้เป็นมิตรกับการเก็บข้อมูลของ Google Bot ด้วยเช่นกัน ความสำคัญของ SEO Content Writer ที่มีต่อธุรกิจ คือ ช่วยทำให้กลยุทธ์ SEO เกิดผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน
โดยการเขียนบทความที่ดี และมีคุณภาพ จะช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับได้ยั่งยืน ทั้งยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ธุรกิจของคุณด้วย นอกจากนี้ การเขียนบทความที่ดียังทำให้เว็บไซต์ของคุณมีความแตกต่าง และน่าสนใจมากกว่าเว็บไซต์อื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน
โดยหน้าที่หลัก ๆ ของ SEO Content Writer มีดังนี้
- สร้างสรรค์เนื้อหาบทความที่มีคุณภาพ และตอบโจทย์ได้ตรงประเด็น
- คิดประเด็นสำหรับการทำ Landing Page ให้มีความน่าสนใจ
- เขียนอธิบายสินค้า เพื่อกระตุ้นให้เกิดความอยากซื้อ และน่าเชื่อถือ
- เขียน Title และ Meta Description ในแต่ละหน้าให้ตรงตามหลัก SEO
อย่างไรก็ตาม คนทำ SEO ไม่จำเป็นว่าต้องเก่งสาย Creative หรือสายเทคนิค เพียงแต่มีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ SEO และเข้าใจการทำงานของ Google รวมไปถึงการวางแผน และการแบ่งหน้าที่ของทีมที่ดี คุณก็สามารถทำให้เว็บไซต์ติดอันดับได้อย่างแน่นอน
ชี้เป้า! เขียนบทความทำ SEO อย่างไรให้ถูกใจ Google
วางแผนการคิดหัวข้อบทความจากคีย์เวิร์ดที่ได้รับ
เมื่อได้รับ Keyword จาก SEO Specialist สิ่งต่อไป คือ การคิดหัวบทความ (Topic) ให้เกี่ยวข้อง และสอดคล้องกับคีย์เวิร์ด เพื่อสร้างสรรค์เนื้อหาที่กลุ่มเป้าหมายอยากรู้
แต่ไม่ควรเขียนนำเสนอแต่สิ่งที่แบรนด์อยากบอกเพียงอย่างเดียว เพราะจุดประสงค์ในการเขียน คือ เขียนเผื่อโน้มน้าวให้กลุ่มเป้าหมายอยากซื้อสินค้า และบริการของคุณ
เขียนให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด
การเขียนบทความ ควรเขียนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน โดยเน้นการเขียนให้มีความคิดสร้างสรรค์ เขียนให้น่าสนใจ และตรงประเด็นกับหัวข้อที่กำหนดไว้ เพราะหลักของ Google Search Engine คือ การหาบทความที่เป็นประโยชน์ และตอบโจทย์ผู้อ่านได้มากที่สุด
เขียนให้ครอบคลุมสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายควรรู้
การเขียนคอนเทนต์ SEO ให้เขียนตามความเหมาะสม ว่าหัวข้อที่คิดขึ้นมาตอบโจทย์ และครอบคลุมสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายจำเป็นต้องรู้ รวมไปถึงเช็กจำนวนคีย์เวิร์ดให้กระจายทั่วบทความ
โดยควรกำหนดคีย์เวิร์ดไม่ให้มาก หรือน้อยเกินไป และเน้นเขียนให้เป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ สิ่งสำคัญในการเขียนบทความ SEO คือ เขียนบทความให้ตามเทรนด์ และพยายามอัปเดต นำเสนอสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ
เขียนให้กระชับ เข้าใจง่าย และตรงประเด็น
การเขียน SEO ควรเขียนให้กระชับ และตรงประเด็นกับหัวข้อที่คิดไว้ โดยไม่ควรเขียนพรรณนา หรือใช้คำฟุ่มเฟือย เพราะอาจทำให้บทความดูน่าเบื่อ หรือไม่น่าอ่านได้
ที่สำคัญ เมื่อเขียนเสร็จแล้ว ควรเช็กอีกรอบด้วยการอ่านซ้ำ ว่าตรงไหนมีการใช้คำฟุ่มเฟือย หรือใช้คำวนไปวนมา หากพบให้ตัดออก แล้วเรียบเรียงเนื้อหาให้อ่าน และเข้าใจง่ายมากขึ้น
ห้ามคัดลอกบทความ
แน่นอนว่าการทำ SEO คือ การแข่งขันที่หลายธุรกิจกำลังเขียนคีย์เวิร์ดเดียวกับคุณ ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่ใช่แค่ Google แพลตฟอร์มเดียว แต่ยังมีการเขียนคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มอื่น
อย่าง Facebook Tiktok เป็นต้น เพราะฉะนั้น ควร Re-write บทความใหม่ในแบบของคุณ นอกจากนี้ ยังสามารถเขียนไอเดียเพิ่มเติมเพื่อทำให้บทความน่าอ่านมากขึ้น
อ่านเพิ่มเติม : 5 วิธีเช็กบทความ SEO ที่มีคุณภาพ เป็นอย่างไร ?
สุดท้ายนี้ หลักการเขียนบทความ SEO คือ ความเป็นธรรมชาติ เขียนเนื้อหาโดยเน้นไปที่กึ่งกลางระหว่างสิ่งที่แบรนด์อยากสื่อเกี่ยวกับกับสินค้า หรือบริการ และสิ่งที่ผู้อ่าน หรือกลุ่มเป้าหมายอยากรู้ได้ตรงจุด อย่างไรก็ตาม การเขียนบทความต้องใช้ประสบการณ์ และเวลาเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรกของการค้นหา
แต่หากต้องการจ้างบริษัทรับทำ SEO คอมม่อน กราวด์ เอเจนซี ยินดีให้บริการ เพราะเราคือผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์การทำ SEO รวมไปถึงการตลาดออนไลน์มาหลายรูปแบบ หากสนใจ หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อเราได้ที่
Tel: 081-426-6695
Email: [email protected]
Facebook Page: Common Ground