เทคนิคใช้ Google Gemini เพิ่มความสบาย ให้นักการตลาดออนไลน์Content Marketingเทคนิคใช้ Google Gemini เพิ่มความสบาย ให้นักการตลาดออนไลน์

เทคนิคใช้ Google Gemini เพิ่มความสบาย ให้นักการตลาดออนไลน์

google gemini

ในปัจจุบันปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) ได้กลายเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับมนุษย์ ทั้งในการใช้ชีวิตทั่วไป และการทำงาน เช่น โปรแกรมแชตบอต 24 ชั่วโมง เครื่องมือแปลภาษา Alexa และ Siri เป็นต้น ทั้งยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมต่าง ๆ ให้เข้าสู่โลกอนาคต และเอื้อให้นักการตลาดออนไลน์ คิดค้นกลยุทธ์การตลาดที่ไม่ซ้ำใครอีกด้วย

โดยหนึ่งในเครื่องมือ AI ที่ได้รับความนิยมที่สุดในปี 2024 คงจะหนีไม่พ้น “Google Gemini” โมเดลอัจฉริยะ ภายใต้การพัฒนาของ Google นับตั้งแต่ปี 2012 โดย Gemini เป็นโมเดล AI ที่สามารถเรียนรู้ และสร้างข้อความที่เหมือนกับมนุษย์ รวมถึงช่วยวางแผนกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ และสร้างสรรค์คอนเทนต์ใหม่ ๆ ได้ภายในระยะสั้น

ในบทความนี้ คอมม่อน กราวด์ ขออาสาพานักการตลาดออนไลน์ และเจ้าของแบรนด์ไปทำความรู้จักกับโมเดลอัจฉริยะนี้ให้มากขึ้น พร้อมกับแชร์วิธีการใช้ Gemini เพื่อให้เจ้าของแบรนด์ นำไปคิดค้นกลยุทธ์ทางการตลาดให้น่าสนใจ และกระตุ้นยอดขายของแบรนด์ให้พุ่งขึ้นอยู่เสมอ จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง หากพร้อมแล้วเราไปดูกัน

Google Gemini คืออะไร ?

Google Gemini หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Gemini เป็น AI แชตบอตที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท Google ด้วยระบบ Large Language Model (LLM) ซึ่งถูกฝึกฝนให้มีความรู้ จากการจัดเก็บข้อมูลหลายรูปแบบ เช่น ข้อความ รูปภาพ เสียง วิดีโอ และโค้ด ทำให้มีความสามารถในการสื่อสาร และสร้างข้อความเหมือนกับการตอบสนองโดยมนุษย์ 

ซึ่งในปัจจุบัน Gemini สามารถใช้งานได้ใน 230 ประเทศ และรองรับการใช้งานมากกว่า 40 ภาษาทั่วโลก รวมถึงภาษาไทยด้วยเช่นกัน ทั้งยังผสานการทำงานเข้ากับ Google Workspace ได้อย่างลงตัว เปรียบเสมือนเป็นผู้ช่วยประจำตัวที่ช่วยให้การทำงานราบรื่น รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย Gemini สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 โมเดล เพื่อรองรับการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่

Gemini Ultra

Gemini Ultra เป็นโมเดลที่มีขนาดใหญ่ และมีความสามารถสูงที่สุดในตระกูล Gemini เปิดให้บริการเฉพาะลูกค้าองค์กรเท่านั้น เนื่องจาก Gemini Ultra เหมาะกับการทำงานที่มีความซับซ้อนสูง เช่น การเขียน และวิเคราะห์ในเชิงลึก การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ขั้นสูง และการเขียนเนื้อหาวรรณกรรม เป็นต้น ทั้งยังรองรับภาษามากกว่า Gemini Pro และ Gemini Nano อีกด้วย

Gemini Pro

ถัดมาที่โมเดลขนาดกลาง อย่าง Gemini Pro รองรับการใช้งานทั่วไป แต่ทำงานได้รวดเร็ว และมีความสามารถเทียบเท่า Gemini Ultra เช่น การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน การให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเขียนโค้ด และการเขียนบทความทั่วไป เป็นต้น 

โดย Gemini Pro สามารถเข้าใจข้อมูลในเอกสาร ที่มีความยาวสูงสุดถึง 1,500 หน้า และสรุปอีเมลได้มากถึง 100 ฉบับ ภายในระยะเวลาสั้น ๆ ทั้งยังให้ข้อมูลเชิงลึก เกี่ยวกับเอกสารที่มีรายละเอียดเยอะได้อย่างรวดเร็ว เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งการใช้งานทั่วไป และองค์กร

Gemini Nano 

สำหรับ Gemini Nano โมเดลรุ่นเล็กสุดของ Gemini ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานกับอุปกรณ์สำหรับพกพา ได้แก่ สมาร์ตโฟน และแท็บเล็ต ซึ่งตอบโจทย์การทำงานต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น การแปลภาษา การตอบคำถาม การเขียนเนื้อหาทั่วไป และการสรุปข้อความแบบเรียลไทม์ เป็นต้น

เทคนิคการใช้ Gemini AI ให้เข้ากับองค์กร

google gemini

อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่า Google Gemini สามารถทำงานร่วมกับ Google Workspace ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การทำงานระหว่างองค์กร และโมเดล AI เป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะแบรนด์ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งจำเป็นต้องทำงานแข่งกับเวลา 

ทั้งยังต้องคิดค้นกลยุทธ์ใหม่ ๆ ให้โดดเด่น และมัดใจกลุ่มลูกค้าอยู่เสมอ คอมม่อน กราวด์ จึงรวบรวมเทคนิคการใช้ Gemini ให้เหมาะสมกับทีมต่าง ๆ ในองค์กร ดังนี้

ทีมการตลาด

นักการตลาดออนไลน์ (Digital Marketer) คือ ผู้ทำหน้าที่สื่อสารเรื่องราวของแบรนด์ ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลกลุ่มเป้าหมาย และกำหนดว่าการสื่อสารแต่ละครั้งมีเป้าหมายอย่างไรบ้าง ตลอดจนวิเคราะห์ว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้หรือไม่ 

ซึ่งการใช้เครื่องมือ Google Gemini ร่วมกับการทำงานของนักการตลาด จะช่วยจัดการงานด้านการตลาดออนไลน์ที่หลากหลาย รวมถึงวิเคราะห์พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย และประสิทธิภาพของแคมเปญ เพื่อให้การสร้างแคมเปญโฆษณามีประสิทธิภาพ และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายยิ่งขึ้น 

การทำธุรกิจจะไม่เครียดอีกต่อไป หากเลือกใช้บริการเอเจนซี่ที่ปรึกษาการตลาด จาก Common Ground

ทีมวิเคราะห์ข้อมูล

ในส่วนของทีมวิเคราะห์ข้อมูล (Business Analyst) ก็สามารถนำ Gemini ไปวิเคราะห์ข้อมูล และคาดการณ์ถึงแนวโน้มต่าง ๆ ของผู้ใช้งาน โดยฟีเจอร์การค้นหาข้อมูลของ Gemini จะทำงานผ่าน Gemini.google.com มั่นใจได้เลยว่าข้อมูลที่ได้รับ มีการอัปเดตใหม่อยู่ตลอดเวลา ทั้งยังมีความถูกต้อง แม่นยำ และน่าเชื่อถืออย่างแน่นอน

ทีมคอนเทนต์

ในปัจจุบันกระแสไวรัลบนโลกออนไลน์ ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของการสร้างสรรค์คอนเทนต์ ทำให้การคิดคอนเทนต์ในแต่ละครั้ง ต้องทำงานแข่งกับเวลา ดังนั้น ทีมคอนเทนต์ควรครีเอตผลงาน และลงแคมเปญใหม่ ๆ ให้ทันก่อนที่กระแสไวรัลจะหายไป 

ด้วยเหตุนี้ Gemini จึงเข้ามาช่วยในการเขียนคอนเทนต์ให้ทันเวลา และโดนใจกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่เห็นแคมเปญนั้น ๆ เป็นครั้งแรก นอกเหนือจากการเขียนคอนเทนต์แล้ว Gemini ก็สามารถเขียนสคริปต์ สำหรับถ่ายแคมเปญโฆษณาได้อย่างสร้างสรรค์ ทั้งยังช่วยคิด Ads Copy ที่ดึงดูดใจกลุ่มลูกค้าได้อีกด้วย

5 วิธีใช้ Google Gemini เพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์

google gemini

หลังจากที่ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Google Gemini ในขั้นเบื้องต้นกันไปแล้ว สำหรับผู้ประกอบการ และนักการตลาดที่ต้องการใช้งาน Gemini เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาดออนไลน์ ลองมาดู 5 วิธีการใช้งานให้ตอบโจทย์การปั้นแบรนด์ไปพร้อม ๆ กันได้เลย ดังนี้

1. ใช้ Gemini กำหนดกลุ่มเป้าหมาย

สำหรับนักการตลาดออนไลน์มือใหม่ ที่ยังไม่มีความชำนาญด้านการวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าให้ตรงกับแบรนด์ ลองให้ Gemini ช่วยกำหนดกลุ่มเป้าหมายเบื้องต้น ด้วยการระบุประเภทธุรกิจ ขนาดธุรกิจ ประเภทสินค้า และโลเคชันลงไป เพียงเท่านี้ Gemini ก็จะระบุกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ทั้งยังมีคำแนะนำสั้น ๆ เกี่ยวกับการวางกลยุทธ์ทางการตลาดอีกด้วย

2. ค้นหา Keyword ที่เหมาะกับแบรนด์

แคมเปญการตลาดออนไลน์จะไม่ประสบผลสำเร็จเลย หากขาดการสำรวจว่า Keyword ไหนบ้างที่กำลังได้รับความนิยม และเกี่ยวข้องกับธุรกิจ ซึ่ง Gemini สามารถแนะนำ Keyword ให้เหมาะสมได้ เพียงแค่ป้อน Prompt ตามความต้องการ

ทั้งนี้ หากคิดคอนเทนต์ที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายไม่ออก Google Gemini สามารถเปลี่ยนสไตล์การเขียนให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย ภายในระยะเวลาสั้น ๆ รับรองเลยว่าเนื้อหาที่ถูกสร้างสรรค์ออกมา ไม่ซ้ำใคร และโดนใจกลุ่มเป้าหมายอย่างแน่นอน 

3. สร้างแชตบอต

ในปัจจุบันการซื้อ-ขายสินค้าต้องทำได้ง่าย และสะดวกรวดเร็ว ดังนั้น หากในองค์กรมีผู้เชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์โดยเฉพาะ ก็สามารถติดตั้ง Gemini API เพื่อสร้าง API Key แล้วนำ Key ที่ได้ไปติดตั้งร่วมกับโปรแกรมแชต 

4. ให้ Gemini เป็นผู้ช่วยทางการตลาด

สำหรับมือใหม่หัดทำแบรนด์ ที่ยังไม่มีความมั่นใจในการวางกลยุทธ์ทางการตลาด และต้องการคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ลองขอคำแนะนำเพิ่มเติมจาก Gemini ด้วยการระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจ เช่น จุดแข็งของธุรกิจ กลุ่มเป้าหมาย และรูปแบบสินค้า เป็นต้น

โดยทาง Gemini จะนำเสนอกลยุทธ์ทางการตลาดหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้เจ้าของแบรนด์ และนักการตลาดออนไลน์สามารถเปรียบเทียบความแตกต่างของกลยุทธ์ พร้อมกับนำกลยุทธ์ต่าง ๆ ไปปรับใช้ให้เข้ากับแบรนด์ให้ได้มากที่สุด

5. เพิ่มการเข้าถึงลูกค้าทั่วทุกมุมโลก

หากเจ้าของแบรนด์ต้องการเจาะตลาดในต่างประเทศ หรืออยากทำข้อความโฆษณาแบบ 2 ภาษา แต่ไม่แน่ใจว่าต้องเขียนภาษาอังกฤษอย่างไรให้ดูโปร เหมือนกับเจ้าของภาษามาเขียนเอง ลองให้ Gemini ช่วยแปลข้อความจากภาษาไทย ให้กลายเป็นภาษาอื่นได้ภายในเสี้ยววินาที

ก็จบกันไปแล้ว สำหรับความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ Google Gemini และวิธีการใช้ Gemini ให้ยกระดับแบรนด์ของคุณให้โดดเด่น เหนือคู่แข่งทุกรายในท้องตลาด โดยจะเห็นได้ว่าการใช้ AI เข้ามาช่วยวางกลยุทธ์ทางการตลอด ย่อมช่วยให้คุณได้มองเห็นแนวคิด ในการทำการตลาดออนไลน์รูปแบบใหม่ ๆ เพื่อสร้างคอนเทนต์ให้โดนใจลูกค้าอยู่เสมอ

อย่างไรก็ตาม ควรใช้ข้อมูลจาก Generative AI เป็นสารตั้งต้นในการคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ เท่านั้น และหลีกเลี่ยงการนำข้อมูลที่คิดค้นโดย AI ไปใช้โดยตรง แต่ควรนำข้อมูลที่ได้ไปปรับใช้ให้เข้ากับแบรนด์ และผสมผสานกับความครีเอทีฟ เพื่อปั้นแบรนด์ของคุณให้มีเอกลักษณ์ยิ่งขึ้น

สำหรับเจ้าของธุรกิจ หรือใครที่ยังไม่มั่นใจในการทำการตลาดออนไลน์ คอมม่อน กราวด์ เอเจนซี ที่ปรึกษาการตลาดยินดีให้บริการ เพราะเราเป็นเอเจนซีที่มีประสบการณ์ทำการตลาดออนไลน์ทุกรูปแบบ หากสนใจติดต่อได้ที่

Tel: 081-426-6695

Email: [email protected]

Facebook Page: Common Ground