ทำความเข้าใจ Local SEO แบบเจาะลึก และเข้าใจง่ายSEOทำความเข้าใจ Local SEO แบบเจาะลึก และเข้าใจง่าย

ทำความเข้าใจ Local SEO แบบเจาะลึก และเข้าใจง่าย

SEO

หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก ธุรกิจ SMEs หรือธุรกิจที่มีหน้าร้าน “Local SEO” คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ลูกค้าพบคุณได้ง่ายขึ้น ที่ Common Ground เราเข้าใจถึงความสำคัญของกลยุทธ์นี้ และพร้อมแบ่งปันเทคนิคที่นำไปใช้ได้จริง ไม่ว่าจะเป็น การปรับแต่ง Google My Business (GMB) การเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะกับพื้นที่ หรือการเพิ่มรีวิวเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เป็นต้น

ในบทความนี้ คุณจะได้ทำความเข้าใจ Local SEO อย่างละเอียด พร้อมบอกวิธีวัดผล และขั้นตอนการทำแบบ Step-by-Step มาดูกันว่า Local SEO สำคัญอย่างไร และสามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้อย่างไร ถ้าพร้อมแล้ว ไปเริ่มกันเลย !

Local SEO คืออะไร ?

SEO

Local SEO หรือ การทำ SEO สำหรับธุรกิจท้องถิ่น คือการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ และข้อมูลธุรกิจของคุณให้ปรากฏในผลการค้นหา โดยเมื่อมีผู้ค้นหาสินค้า หรือบริการในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น “ร้านอาหารใกล้ฉัน” หรือ “เอเจนซีการตลาดในกรุงเทพฯ” ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุดมากขึ้น

Local SEO สำคัญอย่างไร ?

Local SEO เป็นเครื่องมือสำคัญ ที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นกว่าคู่แข่งในพื้นที่ โดยมีข้อดีหลัก ๆ ดังนี้

  • ช่วยเพิ่มโอกาสในการถูกค้นพบ – ลูกค้าที่ค้นหาธุรกิจผ่าน Google มักต้องการใช้บริการทันที
  • ช่วยเพิ่มยอดขาย – ลูกค้าที่ค้นหาผ่าน Local SEO มักมีแนวโน้มที่จะเข้าร้านจริง หรือทำการติดต่อมากกว่าลูกค้าทั่วไป
  • สร้างความน่าเชื่อถือ – การมีข้อมูลธุรกิจที่ครบถ้วน และรีวิวที่ดี จะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกคุณง่ายขึ้น
  • แข่งขันกับธุรกิจในพื้นที่ – Local SEO ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารถแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ได้
  • ช่วยให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักในชุมชน – ทำให้คุณเป็นตัวเลือกแรก เมื่อคนในพื้นที่ต้องการสินค้า หรือบริการที่เกี่ยวข้อง

Local SEO ต่างจากการทำ SEO ปกติยังไง ?

SEO

แม้ว่า Local SEO และ SEO ปกติ (Organic SEO) จะมีเป้าหมายเดียวกัน คือการช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google Search แต่ทั้งสองแบบมีวิธีการ และปัจจัยที่แตกต่างกันไปตามลักษณะของธุรกิจ และกลุ่มเป้าหมาย

  • Local SEO

Local SEO จะเน้นไปที่การเพิ่มการมองเห็นธุรกิจในระดับท้องถิ่น โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายที่อยู่พื้นที่ใกล้เคียง และมีปัจจัยสำคัญ ดังต่อไปนี้

  • สิ่งที่ให้ความสำคัญ: Google Business Profile และ Local Citations
  • คีย์เวิร์ด: คีย์เวิร์ด (ประเภทธุรกิจ) + ชื่อสถานที่ เช่น ร้านคาเฟ่เชียงใหม่ หรือ ร้านขายยาใกล้ฉัน เป็นต้น
  • การจัดอันดับ: มีปัจจัยด้านรีวิว และความใกล้เคียง
  •  SEO ปกติ

SEO แบบปกติ จะเน้นกลุ่มเป้าหมายที่ค้นหาข้อมูลทั่วไป โดยไม่มีการเจาะจงสถานที่ และมีปัจจัยสำคัญ ดังต่อไปนี้

  • สิ่งที่ให้ความสำคัญ: การทำ On-Page, Backlink, และ Technical SEO
  • คีย์เวิร์ด: คีย์เวิร์ดทั่วไป เช่น ร้านนั่งชิลปิดดึก หรือ เอเจนซีที่ดีที่สุด เป็นต้น
  • การจัดอันดับ: ปัจจัยด้านรีวิว และความใกล้เคียง ขึ้นกับคุณภาพของคอนเทนต์ และลิงก์

ทั้งนี้ สำหรับเจ้าของธุรกิจที่อยากเพิ่มการมองเห็น ให้ปรากฏในผลการค้นหาแบบท้องถิ่น Common Ground เอเจนซีที่เชี่ยวชาญในการรับทำ SEO ยินดีให้คำปรึกษา และช่วยเหลือด้วยบริการทำ Local SEO ที่จะช่วยเพิ่มการมองเห็น ดึงดูดลูกค้าในท้องถิ่น และทำให้คุณกลายเป็นตัวเลือกแรก เมื่อคนในพื้นที่ต้องการสินค้า หรือบริการที่เกี่ยวข้อง

5 ขั้นตอน การทำ Local SEO แบบ Step-by-Step

SEO

ทำความเข้าใจ Local SEO อย่างคร่าว ๆ กันไปแล้ว ก็ถึงเวลามาลงมือทำด้วย 5 ขั้นตอนง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นทำ Local SEO อย่างถูกต้อง ซึ่งจะมีอะไรบ้าง มาดูกัน

Step 1: เปิดบัญชี Google My Business

Google My Business (GMB) เป็นเครื่องมือฟรี ที่ช่วยให้ธุรกิจสร้างโปรไฟล์บน Google Search และ Google Maps โดยการเริ่มสร้างบัญชีนั้น มีข้อมูลสำคัญที่ต้องกรอกหลัก ๆ ได้แก่

  • Business Name – ชื่อธุรกิจ
  • Category – หมวดหมู่ของธุรกิจ
  • Service Area – พื้นที่ให้บริการ
  • Office Hour – เวลาทำการ
  • Product/Service – รายการสินค้า และบริการ
  • Image – ภาพถ่ายธุรกิจ

Step 2: Local Keyword Research

การเลือกใช้ Local Keywords เป็นหัวใจสำคัญของ Local SEO โดยควรใช้ Longtail Keywords ที่มีชื่อสถานที่ หรือพื้นที่ของธุรกิจ ซึ่งช่วยให้ติดอันดับการค้นหาบน Google ได้ง่ายขึ้น เช่น

  • “ร้านอาหารมังสวิรัติในภูเก็ต”
  • “ร้านซ่อมนาฬิกาสุขุมวิท”
  • “คลินิกรักษาสัตว์ลาดพร้าว”

โดย มีเครื่องมือช่วยค้นหา Local Keywords ที่แนะนำ ได้แก่

  • Google Keyword Planner
  • Ubersuggest
  • Keywordtool.io
  • KWFinder
  • ฯลฯ

Step 3: อัปเดต และปรับปรุง Google My Business ให้สมบูรณ์ 

หลังจากที่เราได้บัญชีของ GMB และทำ Local Keyword Research มาแล้ว อย่าลืมที่จะอัปเดตเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอ เช่น

  • การเพิ่มคำอธิบายธุรกิจให้ครบถ้วน
  • การใช้รูปภาพคุณภาพสูง เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ
  • การตอบรีวิวลูกค้า เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
  • การอัปเดตโพสต์เกี่ยวกับโปรโมชัน หรือข่าวสารธุรกิจต่าง ๆ เป็นต้น

Step 4: On Page Optimization 

อย่าลืมใช้ Local Keywords ใน Title, Meta Description และ Heading เพราะการใช้คำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ หรือพื้นที่เฉพาะ จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดอันดับสูง ในผลการค้นหาของผู้ที่อยู่ในพื้นที่นั้น ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้มากขึ้น

อีกทั้งยังควรเพิ่มแผนที่ Google Maps ลงในหน้า Contact เพื่อให้ลูกค้าสามารถค้นหาตำแหน่งของธุรกิจได้ง่าย และสะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การแสดงตำแหน่งบนแผนที่ ยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ และความสะดวกสบายในการติดต่อได้อีกด้วย

และอย่าลืมสร้างหน้า Landing Page สำหรับแต่ละสาขา เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแต่ละพื้นที่ได้โดยตรง เนื่องจาก การมีหน้า Landing Page ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละสาขา จะช่วยเพิ่มความเกี่ยวข้องในแต่ละตลาด และสามารถกำหนดกลยุทธ์ SEO ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

Step 5: Off Page Optimization 

นอกจากการทำ On Page Optimization แล้ว การทำ Off page Optimization ก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยมีเรื่องที่ต้องเน้น ดังนี้ 

  • สร้าง Local Citations: ลงทะเบียนธุรกิจของคุณใน Web Directory ที่มีชื่อเสียง (เว็บที่เก็บรวบรวมลิงก์ของเว็บไซต์ต่าง ๆ) เช่น Wongnai หรือ Facebook Page ซึ่งจะช่วยเพิ่มการมองเห็นของธุรกิจในพื้นที่ท้องถิ่นได้
  • ทำ Backlink จากเว็บไซต์ท้องถิ่น: การได้รับลิงก์กลับจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เช่น บล็อกรีวิว หรือเว็บไซต์ข่าวท้องถิ่น จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ และอันดับของเว็บไซต์ธุรกิจในผลการค้นหา
  • เพิ่มรีวิวจากลูกค้า: การได้รับรีวิวที่ดีจากลูกค้า จะช่วยให้ Google ให้คะแนน SEO สูงขึ้น โดยจะทำให้ธุรกิจของคุณดูมีความน่าเชื่อถือ และได้รับการแนะนำจากลูกค้าจริง

Step 6: ใช้ Social Media สนับสนุน

นอกจากขั้นตอนที่กล่าวมา การมีเพจ Facebook ที่มีข้อมูลธุรกิจครบถ้วน เช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และเวลาทำการ ก็สามารถช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ และการมองเห็นในผลการค้นหาของ Google ได้

นอกจากนี้ การโพสต์ภาพ หรือวิดีโอที่น่าสนใจบน Instagram และ TikTok ก็สามารถช่วยสร้างการเชื่อมโยงกับลูกค้าในพื้นที่ และสามารถเพิ่มการรับรู้แบรนด์ของธุรกิจในชุมชนได้เช่นกัน

วิธีวัดผลการทำ Local SEO มีตัวชี้วัดอะไรบ้าง ?

SEO

หลังจากเริ่มต้นทำ Local SEO ไปได้สักพักแล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องทำต่อมา คือการวัดผลลัพธ์ของแคมเปญ โดยสามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้

  • ตรวจสอบการแสดงผลใน Google Search และ Google Maps

คุณสามารถใช้เครื่องมือ เช่น Google Search Console หรือ Google My Business Insights เพื่อตรวจสอบว่าธุรกิจของคุณปรากฏในผลการค้นหา และแผนที่ในพื้นที่ที่คุณต้องการหรือไม่ รวมถึงจำนวนการค้นหาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ ตรวจสอบอันดับของคำค้นหาท้องถิ่น 

โดยการใช้เครื่องมือ อย่าง SEMrush หรือ Ahrefs เพื่อดูการจัดอันดับของคำค้นหาท้องถิ่นที่คุณเลือก และเปรียบเทียบกับคู่แข่ง

  • ติดตามการเข้าชมเว็บไซต์จากผู้ใช้ในท้องถิ่น

ใช้ Google Analytics เพื่อติดตามการเข้าชมจากผู้ใช้ในพื้นที่เฉพาะ เช่น จำนวนผู้เข้าชมจากเมือง หรือจังหวัดที่คุณให้บริการ

  • ติดตามรีวิว และการมีส่วนร่วม

ตรวจสอบจำนวน และคุณภาพของรีวิวที่ได้รับบน Google My Business หรือ แพลตฟอร์มอื่นๆ รวมถึงการตอบคำถาม และการมีส่วนร่วมจากลูกค้า

  • ตรวจสอบการสร้างลิงก์จากเว็บไซต์ท้องถิ่น

วิธีสุดท้าย คือการวิเคราะห์จำนวน และคุณภาพของ Backlinks ที่ได้รับจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ หรืออุตสาหกรรมท้องถิ่นนั้น ๆ

ทั้งนี้ การทำ Local SEO ไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณเข้าใจ และใช้เทคนิคที่ถูกต้อง เลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง และสร้างความน่าเชื่อถือผ่านรีวิว และ Backlink อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการให้ธุรกิจติดอันดับในพื้นที่ของคุณ อย่าลืมติดต่อ Common Ground Agency ที่มีบริการรับทำ SEO ที่จะช่วยคุณสร้างแคมเปญ Local SEO ให้ได้ผลที่ตรงตามความต้องการ หากสนใจติดต่อหาเราได้ที่

Tel: 081-426-6695

Email: Enjoy@iamcommonground.com

Facebook Page: Common Ground