6 เทคนิควางโครงสร้างเว็บไซต์ (Site Structure) ให้ส่งผลดีต่อ SEOSEO6 เทคนิควางโครงสร้างเว็บไซต์ (Site Structure) ให้ส่งผลดีต่อ SEO

6 เทคนิควางโครงสร้างเว็บไซต์ (Site Structure) ให้ส่งผลดีต่อ SEO

โครงสร้างเว็บไซต์ (Site Structure)

การทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับบน Google ไม่ใช่แค่เรื่องของคีย์เวิร์ด หรือการเขียนบทความให้น่าสนใจเพียงเท่านั้น แต่ “โครงสร้างเว็บไซต์” ก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ไม่ควรมองข้าม 

ในบทความนี้ Common Ground จะพาคุณไปเรียนรู้ 6 เทคนิคการวางผังเว็บไซต์ (Site Structure) อย่างถูกต้อง และส่งผลดีต่อการทำ SEO เพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน พร้อมแนะนำ 5 รูปแบบการจัดระเบียบเว็บไซต์ ที่นักทำ SEO ต้องรู้จัก ซึ่งจะมีอะไรบ้าง เราไปดูกัน

โครงสร้างเว็บไซต์ (Site Structure)

โครงสร้างเว็บไซต์ (Site Structure) คืออะไร

โครงสร้างเว็บไซต์ หรือผังเว็บไซต์ คือรูปแบบการจัดวางหน้าต่าง ๆ ของเว็บไซต์ให้มีลำดับ และความสัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบ เช่น การแบ่งเป็นหมวดหมู่หลัก หมวดย่อย และการเชื่อมโยงภายในเว็บไซต์ (Internal Linking) โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ใช้งาน และ Bot ของ Search Engine เข้าถึงเนื้อหาได้อย่างสะดวก และมีประสิทธิภาพ

ทำไมโครงสร้างเว็บไซต์ถึงสำคัญต่อการทำ SEO

เนื่องจาก การแข่งขันบนหน้าแรกของ Google เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ “การจัดระเบียบเว็บไซต์” จึงกลายเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ไม่ควรมองข้าม และต่อไปนี้คือเหตุผลหลัก ที่อธิบายว่าทำไมการจัดระเบียบเว็บไซต์ถึงส่งผลโดยตรงต่อ SEO

  • ส่งผลดีต่อ SEO

เพราะผังเว็บไซต์ที่ชัดเจน เช่น การแบ่งหมวดหมู่ และการจัดลำดับหน้าหลัก หน้าย่อย จะช่วยให้ Google Bot รวบรวมข้อมูลได้เป็นระบบ เข้าใจว่าหน้าใดสำคัญ และหน้าใดมีความเกี่ยวข้องกัน ซึ่งจะส่งผลให้จัดอันดับได้แม่นยำ และรวดเร็วขึ้น

  • สร้างประสบการณ์ใช้งานที่ดี (UX)

เมื่อผู้ใช้งาน สามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วโดยไม่สับสน โอกาสที่เขาจะอยู่ในเว็บไซต์นานขึ้นก็มีมากขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อ SEO เช่น Bounce Rate ที่ลดลง และเวลาในการเข้าชมที่เพิ่มขึ้น

  • จัดกลุ่มคีย์เวิร์ด และเนื้อหาอย่างเป็นระบบ

โครงสร้างที่ดี จะช่วยให้การวางแผนคอนเทนต์ และการใช้คีย์เวิร์ดในแต่ละหน้าเป็นระบบมากขึ้น เช่น การทำ Silo Structure หรือการสร้าง Cluster Content ซึ่งจะเพิ่มน้ำหนัก และความเกี่ยวข้อง (Topical Relevance) ต่อคีย์เวิร์ดเป้าหมาย

5 รูปแบบโครงสร้างเว็บไซต์ที่นักทำ SEO ต้องรู้จัก มีอะไรบ้าง ?

สำหรับนักทำ SEO ผังเว็บไซต์ที่ควรรู้จัก และเข้าใจเป็นพิเศษ คือควรเลือกโครงสร้างที่ส่งผลโดยตรงต่อการจัดอันดับใน Search Engine และช่วยให้ทั้ง Bot และผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลได้ง่าย โดยโครงสร้างที่นักทำ SEO ควรรู้จัก มีดังนี้

  • โครงสร้างแบบต้นไม้
  • โครงสร้างแบบไซโล
  • โครงสร้างแบบผสม
  • โครงสร้างแบบเชื่อมโยงอิสระ
  • โครงสร้างแบบฐานข้อมูล

1. การจัดระเบียบเว็บไซต์แบบต้นไม้ (Hierarchical Structure)

โครงสร้างเว็บไซต์ (Site Structure)

โครงสร้างแบบต้นไม้ ถือเป็นรูปแบบพื้นฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในเว็บไซต์ทั่วไป เช่น เว็บไซต์องค์กร เว็บข่าว หรือเว็บอีคอมเมิร์ซที่มีหลายหมวดหมู่ โดยรูปแบบนี้จะมีหน้าหลักอยู่บนสุด จากนั้นก็จะแตกแขนงออกเป็นหมวดหมู่ย่อย และหน้าที่อยู่ลึกกว่าตามลำดับ ซึ่งข้อดีสำหรับ SEO ของโครงสร้างนี้ ได้แก่

  • ช่วยให้ Google เข้าใจความสัมพันธ์ของเนื้อหาได้ชัดเจน
  • สะดวกต่อการจัดการ Internal Link และ Breadcrumb
  • ช่วยให้ผู้ใช้งานค้นหาข้อมูลตามหมวดหมู่ได้ง่าย

2. การจัดระเบียบเว็บไซต์แบบไซโล (Silo SEO Structure)

โครงสร้างเว็บไซต์ (Site Structure)

โครงสร้างแบบไซโล เป็นการจัดกลุ่มคอนเทนต์ให้ชัดเจน และมีความเกี่ยวข้องกันในหมวดหมู่เดียวกัน โดยภายในแต่ละ “ไซโล” จะมีการเชื่อมโยงเฉพาะภายในกลุ่มเดียวกัน เช่น หมวดเมนูอาหารคลีน ก็จะลิงก์กับวิธีทำอาหารคลีนเท่านั้น ส่วนข้อดีสำหรับ SEO ของโครงสร้างนี้ มีดังนี้

  • ช่วยเพิ่ม Topical Relevance ของแต่ละกลุ่มคำค้น
  • สร้างความเชื่อมโยงภายในที่แน่นและลึก ทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน

3. การจัดระเบียบเว็บไซต์แบบผสม (Hybrid Structure)

โครงสร้างเว็บไซต์ (Site Structure)

โครงสร้างแบบผสม คือการนำข้อดีของโครงสร้างแบบต้นไม้ และแบบเชื่อมโยงอิสระมารวมกัน โดยเว็บไซต์จะยังคงมีหมวดหมู่หลักชัดเจนเหมือนโครงสร้างต้นไม้ แต่บางส่วนอาจเปิดให้มีการเชื่อมโยงแบบข้ามหมวดได้ เพื่อรองรับเนื้อหาที่มีความเชื่อมโยงกันในหลากหลายด้าน โดยข้อดีสำหรับ SEO ของโครงสร้างแบบผสม มีดังนี้ 

  • เหมาะกับเว็บไซต์ขนาดกลางถึงใหญ่
  • รองรับทั้ง UX และการจัดการ SEO ได้อย่างสมดุล
  • เพิ่มโอกาสให้ Google ค้นพบหน้าที่อยู่ลึกได้ง่ายขึ้น

สำหรับใครที่อยากมีเว็บไซต์สวย ๆ ใช้งานง่าย และเป็นมิตรกับ SEO ให้ Common Ground ช่วยคุณ ! ด้วยประสบการณ์ และทีมงานมืออาชีพด้านการออกแบบเว็บไซต์ และรับทำ SEO ที่พร้อมช่วยคุณเพิ่มการมองเห็น และสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับผู้ใช้บริการทุกเว็บไซต์ธุรกิจ

4. โครงสร้างเว็บแบบเชื่อมโยงอิสระ (Webbed Structure)

โครงสร้างเว็บไซต์ (Site Structure)

โครงสร้างแบบเชื่อมโยงอิสระ หรือที่บางคนเรียกว่า โครงสร้างแบบตาข่าย เป็นรูปแบบที่ไม่มีหมวดหมู่ตายตัว หน้าเว็บจะลิงก์ถึงกันตามเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง และอาจมีลิงก์ข้ามหัวข้อ ข้ามหมวดหมู่ได้อย่างอิสระ โดยข้อดีสำหรับ SEO มีดังนี้

  • เพิ่มประสิทธิภาพในการกระจาย Link Juice
  • เหมาะกับเว็บที่เนื้อหาอิง ตามความเชื่อมโยงของหัวข้อมากกว่าหมวดหมู่
  • ช่วยให้ Google bot เก็บข้อมูลได้ลึก และครบในแต่ละหัวข้อ

5. การจัดระเบียบเว็บไซต์แบบฐานข้อมูล (Database Structure)

โครงสร้างเว็บไซต์ (Site Structure)

โครงสร้างแบบฐานข้อมูล จะพบได้บ่อยในเว็บไซต์ที่มีการจัดการข้อมูลจำนวนมาก เช่น เว็บอีคอมเมิร์ซ เว็บไซต์อสังหาริมทรัพย์ หรือเว็บไซต์เปรียบเทียบสินค้า โดยแต่ละหน้าเว็บถูกสร้างจากข้อมูลในฐานข้อมูลเดียวกันผ่าน Dynamic URL และ Template เช่น ในเว็บไซต์ขายสินค้าอีคอมเมิร์ซ ระบบอาจมีโครงสร้างฐานข้อมูลหลัก 3 ตาราง ได้แก่

  • Users: ข้อมูลผู้ใช้งาน เช่น ชื่อผู้ใช้ อีเมล รหัสผ่าน
  • Products: รายละเอียดสินค้า เช่น ชื่อสินค้า ราคา คำอธิบาย หมวดหมู่ และรูปภาพสินค้า
  • Orders: รายการสั่งซื้อ เช่น รหัสคำสั่งซื้อ วันที่สั่ง จำนวนสินค้า และราคารวม

โดยโครงสร้างแบบนี้ จะช่วยให้เว็บไซต์สร้างหน้าเพจได้แบบอัตโนมัติ 

เช่น www.store.com/product/1234 → สร้างจาก ProductID = 1234 ในฐานข้อมูล

และข้อดีสำหรับ SEO ของการจัดระเบียบเว็บไซต์แบบฐานข้อมูลนี้ จะได้แก่

  • ช่วยรองรับเนื้อหาจำนวนมาก โดยไม่ต้องสร้างหน้าเว็บแยกด้วยมือ
  • เหมาะกับการใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ Schema Markup

แนะนำ 6 วิธีจัดระเบียบเว็บไซต์ ให้ส่งผลดีต่อการทำ SEO มากที่สุด

หลังจากที่เราได้รู้จักรูปแบบต่าง ๆ ของผังเว็บไซต์ที่นักทำ SEO ต้องรู้จักแล้ว ต่อมาขอแนะนำ 6 เทคนิคการวางผังเว็บไซต์อย่างไร ให้ส่งผลดีต่อการทำ SEO มากที่สุด ดังต่อไปนี้

  1. ใช้โครงสร้างแบบลำดับชั้น

Hierarchical Structure หรือโครงสร้างแบบลำดับชั้น เป็นรูปแบบผังเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยเฉพาะในเว็บไซต์ที่มีจำนวนหน้าค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงสร้างที่ถูกเลือกใช้บ่อย และแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO 

  1. ใช้ URL ที่เป็นมิตรกับ SEO

โดยหลีกเลี่ยง URL แบบรหัส เช่น ?id=123 และใช้คำที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาแทน

  1. ทำ Internal Linking อย่างเหมาะสม

โดยให้เชื่อมโยงหน้าที่เกี่ยวข้อง เพื่อกระจายค่า SEO และช่วยให้ Bot เดินเว็บไซต์ได้ทั่วถึง

  1. ใช้ Breadcrumb Navigation

จะช่วยให้ผู้ใช้รู้ตำแหน่งของตัวเองในเว็บไซต์ และเพิ่มโอกาสแสดง Rich Snippets

  1. จัดกลุ่มเนื้อหาแบบ Silo

วิธีนี้จะช่วยแยกหมวดหมู่ให้ชัดเจน ช่วยเพิ่มความเชี่ยวชาญเฉพาะเรื่อง และ Topical Relevance

  1. ปรับเว็บให้เหมาะกับมือถือ (Mobile Optimization)

เว็บไซต์ต้องรองรับ Mobile-First Indexing ของ Google อีกทั้งเว็บไซต์ยังควรโหลดไว และใช้งานได้ง่ายบนมือถือ

สุดท้ายนี้ หากคุณอยากเริ่มต้นสร้างเว็บไซต์ที่ดีต่อ SEO เราพร้อมช่วยคุณด้วยทีมออกแบบมืออาชีพจาก Common Ground เพราะเราคือผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเว็บไซต์และรับทำ SEO ที่ตอบโจทย์คุณ หากสนใจติดต่อหาเราได้ที่

Tel: 081-426-6695

Email: Enjoy@iamcommonground.com

Facebook Page: Common Ground

TikTok: @commonground_agency

Instagram: @commonground_agency

Common Ground Digital Marketing Agency รับทำการตลาดออนไลน์
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.