เจาะลึก กลยุทธ์การตลาดออนไลน์สำหรับ E-commerce แต่ละประเภทMarketingOnline Marketingเจาะลึก กลยุทธ์การตลาดออนไลน์สำหรับ E-commerce แต่ละประเภท

เจาะลึก กลยุทธ์การตลาดออนไลน์สำหรับ E-commerce แต่ละประเภท

การตลาดออนไลน์

ในยุคที่ธุรกิจ E-commerce เติบโตอย่างรวดเร็ว “การตลาดออนไลน์” กลายเป็นกุญแจสำคัญ ในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม ธุรกิจ E-commerce แต่ละประเภทมีทั้งลักษณะ และความต้องการที่แตกต่างกัน ทำให้กลยุทธ์การตลาดที่ใช้ ต้องมีการปรับให้เหมาะกับแต่ละรูปแบบธุรกิจ 

ในบทความนี้ Common Ground จะพาคุณไปเจาะลึก Digital Marketing Strategy ที่เหมาะสำหรับ E-commerce แต่ละประเภท เพื่อช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถวางแผน และดำเนินกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

การตลาดออนไลน์

5 วิธีวางแผนการตลาดออนไลน์ ให้ตรงกับประเภทของ E-commerce

แม้ธุรกิจ E-commerce จะดูคล้ายกันในภาพรวม แต่ความเป็นจริงแล้ว แต่ละประเภทต่างมีความต้องการ และพฤติกรรมลูกค้าที่ไม่เหมือนกัน การวางแผนการตลาดออนไลน์ จึงไม่สามารถใช้สูตรเดียวกันได้ทั้งหมด เราจึงอยากมาแนะนำกลยุทธ์การตลาดที่ตอบโจทย์ E-commerce แต่ละประเภท ดังนี้

  1. ร้านค้าออนไลน์ทั่วไป (Online Store)

ร้านค้าออนไลน์ทั่วไป คือธุรกิจที่จำหน่ายสินค้าโดยตรงให้กับลูกค้าโดยไม่ผ่านคนกลาง เช่น ร้านค้าบนเว็บไซต์ของตัวเอง Shopify หรือ WooCommerce โดยกลยุทธ์ที่แนะนำสำหรับร้านค้าออนไลน์ทั่วไป มีดังนี้

  • SEO และ Content Marketing: เพิ่มอันดับเว็บไซต์บน Google โดยใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับสินค้าของคุณ พร้อมสร้างบล็อก หรือรีวิวสินค้าเพื่อเพิ่มความน่าสนใจ
  • โฆษณาแบบ PPC (Pay-Per-Click): ใช้ Google Ads และ Facebook Ads เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มจะซื้อสินค้า
  • Email Marketing: ส่งโปรโมชัน และข้อมูลสินค้าใหม่ให้กับลูกค้าเก่า เพื่อกระตุ้นยอดขายซ้ำ
  1. มาร์เก็ตเพลส (Marketplace)

มาร์เก็ตเพลส เป็นธุรกิจที่ขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ เช่น Lazada, Shopee หรือ Amazon ซึ่งมีผู้ขายจำนวนมาก และมีการแข่งขันสูง โดยกลยุทธ์ที่แนะนำสำหรับมาร์เก็ตเพลส มีดังนี้

  • การใช้โฆษณาภายในแพลตฟอร์ม: ใช้ Sponsored Ads หรือ Flash Sale เพื่อให้สินค้าของคุณโดดเด่นกว่าคู่แข่ง
  • สร้างความแตกต่างด้วยรีวิว: กระตุ้นให้ลูกค้ารีวิวสินค้าด้วยการให้ส่วนลด หรือของแถม
  • ตั้งราคา และโปรโมชันให้เหมาะสม: โดยวิเคราะห์ราคาตลาด และเสนอโปรโมชันที่คุ้มค่าเพื่อดึงดูดลูกค้า
  1. ธุรกิจแบบสมัครสมาชิก (Subscription Model)

เป็นธุรกิจที่ลูกค้าต้องสมัครสมาชิก เพื่อรับสินค้าเป็นประจำ เช่น กล่องสุ่มสินค้า อาหารเสริม หรือซอฟต์แวร์แบบ SaaS โดยกลยุทธ์ที่แนะนำสำหรับธุรกิจสมัครสมาชิกนี้ จะได้แก่

  • ทำการตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์: ใช้ผู้มีอิทธิพลช่วยรีวิว หรือโปรโมตเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
  • ใช้ Retargeting Ads: นำโฆษณากลับไปแสดงให้กับผู้ที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์ แต่ยังไม่สมัครสมาชิกเห็น
  • เสนอช่วงทดลองฟรี (Free Trial): ให้ลูกค้าได้ลองใช้ก่อนตัดสินใจสมัครสมาชิก
  1. Direct-to-Consumer (DTC)

ธุรกิจที่ขายสินค้าโดยตรงให้ลูกค้า โดยไม่ผ่านตัวกลาง เช่น แบรนด์แฟชั่น หรือเครื่องสำอางที่จำหน่ายผ่านเว็บไซต์ของตนเอง โดยกลยุทธ์ที่แนะนำสำหรับธุรกิจแบบ Direct-to-Consumer มีดังนี้

  • สร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง: ใช้โซเชียลมีเดีย และ Story ของแบรนด์เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
  • UGC (User-Generated Content): กระตุ้นให้ลูกค้าโพสต์ภาพ หรือรีวิวสินค้าบนโซเชียลมีเดีย
  • เพิ่มการมีส่วนร่วมผ่านโซเชียลมีเดีย: ใช้ Facebook, Instagram และ TikTok เพื่อโปรโมตสินค้า และสร้างชุมชนของลูกค้า
  1. Social Commerce

ธุรกิจที่ขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook Marketplace, Instagram Shopping หรือ TikTok Shop โดยกลยุทธ์ที่แนะนำสำหรับธุรกิจ ที่ขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ได้แก่

  • ไลฟ์สดขายของ: ใช้ Facebook Live หรือ TikTok Live เพื่อสร้างความสนใจ และปิดการขายแบบเรียลไทม์
  • ใช้แชทบอตช่วยตอบคำถาม: เพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าในการสอบถามข้อมูล และสั่งซื้อสินค้า
  • โฆษณาบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย: ใช้โฆษณาที่กำหนดกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเพิ่มยอดขาย

หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ E-commerce อย่าลืมวิเคราะห์ว่าโมเดลของคุณเป็นแบบไหน และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับพฤติกรรมของลูกค้า เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงในโลกออนไลน์ และสำหรับใครที่กำลังมองหาที่ปรึกษาการตลาด ที่เข้าใจทั้งกลยุทธ์ และความต้องการของธุรกิจแต่ละประเภท Common Ground Agency พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ของคุณ ในการวางแผน สร้างสรรค์ และผลักดันแบรนด์ของคุณให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ

การตลาดออนไลน์

5 เหตุผลที่ควรใช้บริการ Agency เพื่อดันธุรกิจ E-commerce ให้ปัง

ในโลกที่ทุกธุรกิจแข่งขันกันอย่างดุเดือดนี้ การเลือกใช้บริการจากเอเจนซีการตลาดออนไลน์ ที่มีความเชี่ยวชาญในการวางแผนการตลาด และกลยุทธ์ออนไลน์ จะสามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณโดดเด่น และประสบความสำเร็จได้อย่างมั่นคง 

โดยต่อไปนี้ คือ 5 เหตุผลสำคัญ ที่คุณควรเลือกใช้บริการเอเจนซี เพื่อดันธุรกิจ E-commerce ให้ปัง 

  1. ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม

การทำการตลาดออนไลน์ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากต้องใช้ความรู้เฉพาะด้าน ทั้งการวิเคราะห์ตลาด การเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะกับประเภทของสินค้า และการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้า 

ซึ่งการใช้บริการจากเอเจนซี ที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรม E-commerce จะช่วยย่นระยะเวลาในการวางแผนการทำงาน และคิดกลยุทธ์ โดยจะมีการใช้ข้อมูลจากการศึกษาลูกค้า และแนวโน้มตลาดในปัจจุบัน รวมถึงการเลือกใช้เครื่องมือ และแพลตฟอร์มที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณ เช่น Google Ads, Facebook Ads หรือ Instagram Shopping เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างการรับรู้ และการซื้อจากลูกค้าเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ

  1. ประหยัดเวลา และทรัพยากร

เหตุผลต่อมา คือ การทำการตลาดออนไลน์เอง อาจต้องใช้เวลานานในการศึกษา และทดลองกลยุทธ์ต่าง ๆ รวมถึงการสร้างเนื้อหา และดูแลเว็บไซต์ ซึ่งการใช้บริการ Agency นี้จะเข้ามาช่วยให้คุณประหยัดเวลา และทรัพยากรไปได้เยอะทีเดียว

โดย เอเจนซีจะดูแลทุกขั้นตอนของการตลาด ตั้งแต่การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย การสร้างคอนเทนต์ ที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า ไปจนถึงการวางแผน และดำเนินการโฆษณา รวมทั้งการติดตามผลเพื่อปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง

  1. ใช้เทคโนโลยี และเครื่องมือที่ทันสมัย

การตลาดออนไลน์ในปัจจุบัน ต้องการเครื่องมือ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการติดตามผลการดำเนินงาน เช่น การวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า การทำ SEO การปรับปรุงเว็บไซต์ หรือการโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ซึ่ง Agency ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ จะใช้เครื่องมือที่ทันสมัย เช่น Google Analytics, SEMrush, หรือ Hootsuite ซึ่งช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล และทำการตัดสินใจที่แม่นยำ 

นอกจากนี้ Agency ยังสามารถใช้เทคโนโลยีในกระบวนการ Automations เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในงานต่าง ๆ เช่น การส่งอีเมลส่วนบุคคล หรือการใช้ Chatbot บนเว็บไซต์ เพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ

  1. ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ

การสร้างแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่ง และน่าเชื่อถือ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจ E-commerce ประสบความสำเร็จในระยะยาว โดย Agency ที่คุณจ้าง จะช่วยคุณพัฒนาแบรนด์โดยเริ่มจากการสร้างคอนเทนต์ เช่น บทความ บล็อก หรือวีดีโอที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า พร้อมทั้งสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าผ่านโซเชียลมีเดีย

ซึ่งจะช่วยเสริมความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์ และลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งการสร้างความน่าเชื่อถือผ่านการรีวิว และคำแนะนำจากลูกค้าเก่า ยังช่วยเพิ่มความไว้วางใจในตลาด E-commerce ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนได้ดีอีกด้วย

  1. ช่วยเพิ่มยอดขาย และทำให้เติบโตอย่างยั่งยืน

การวางแผนกลยุทธ์การตลาดที่ถูกต้อง และรัดกุมจากเอเจนซี นอกจากจะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตในระยะสั้นแล้ว ยังช่วยให้คุณสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนได้ในระยะยาว โดย Agency จะช่วยคุณพัฒนาแผนการตลาดที่มุ่งเน้นการเพิ่มยอดขายอย่างต่อเนื่อง โดยการวิเคราะห์ตลาด และความต้องการของลูกค้า เพื่อนำเสนอสินค้า และบริการที่ตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย

นอกจากนี้ Agency ยังสามารถช่วยในเรื่องของการกระตุ้นยอดขายในช่วงเทศกาล หรือโปรโมชันต่าง ๆ โดยใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม เช่น การทำโฆษณาแบบดิจิทัล การโปรโมตผ่านอินฟลูเอนเซอร์ หรือการใช้โปรโมชันส่วนลด และคูปองที่ดึงดูดลูกค้าใหม่ รวมทั้งการสร้างฐานลูกค้าประจำ ด้วยการตลาดแบบระยะยาว

สุดท้ายนี้ สำหรับใครที่ต้องการผลลัพธ์ที่เหนือคู่แข่ง Common Ground Agency ที่ปรึกษาการตลาดพร้อมช่วยคุณวางแผนกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ด้วยทีมงานมืออาชีพ ที่จะช่วยนำพาคุณสู่ความสำเร็จ หากสนใจ สามารถติดต่อเราได้ที่ 

Tel: 081-426-6695

Email: Enjoy@iamcommonground.com

Facebook Page: Common Ground

Common Ground Digital Marketing Agency รับทำการตลาดออนไลน์
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.