Engagement คืออะไร ? ทำไมถึงเป็นตัวชี้วัด ที่สำคัญต่อธุรกิจMarketingOnline MarketingEngagement คืออะไร ? ทำไมถึงเป็นตัวชี้วัด ที่สำคัญต่อธุรกิจ

Engagement คืออะไร ? ทำไมถึงเป็นตัวชี้วัด ที่สำคัญต่อธุรกิจ

Engagement คือ

Engagement (อ่านว่า เอ็น-เกจ-เม้น) คือ ตัวชี้วัดการมีส่วนร่วมของแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมาย หรือผู้ที่ติดตามในช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น ยอดไลก์ จำนวนการแชร์ และการแสดงความคิดเห็น ซึ่งข้อมูลที่ได้สามารถนำไปปรับปรุง และวางแผนการทำคอนเทนต์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในครั้งต่อไป 

ทั้งนี้ Engagement มีผลต่อการแสดงบนหน้าฟีดของแพลตฟอร์ม เนื่องจาก ยอดดังกล่าวแสดงถึงความสนใจของผู้เข้าชมต่อคอนเทนต์ ยิ่งจำนวนยอดการมีส่วนร่วมสูง โอกาสการเข้าถึงผู้ถึงผู้คนส่วนใหญ่ก็มากขึ้นตามไปด้วย 

ดังนั้น เพื่อไขข้อสงสัยทำไม Engagement ถึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญต่อธุรกิจ ในบทความนี้ Common Ground ขอพาไขข้อสงสัย Engagement คืออะไร และมีผลต่อการทำธุรกิจอย่างไร ถ้าพร้อมกันแล้ว ตามไปดูกันได้เลย

เคล็ดลับ เพิ่มยอด Engagement ให้กับแบรนด์ ด้วย Social Media

Engagement คือ

ปัจจุบันแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ได้มีการอัปเดตอัลกอริทึมอยู่เสมอ ทำให้ผู้ที่กำลังสนใจการตลาดออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น X (Twitter), TikTok, Facebook, YouTube หรือ Instagram จำเป็นต้องศึกษาเทคนิคการเพิ่มยอด Engagement บนแต่ละแพลตฟอร์ม ซึ่งมีเทคนิค ดังนี้

1. X (Twitter)

X หรือ Twitter เป็นแพลตฟอร์มแชร์สถานะ หรือข้อความสั้น ๆ จำนวนไม่เกิน 280 คำ โดยในปี 2024 X (Twitter) ได้เปลี่ยนช่องทางการมีส่วนร่วมในหลาย ๆ อย่าง

ไม่ว่าจะเป็น รีโพสต์ (Repost) แทนรีทวีต (Retweet) และการไลก์ (Like) แทนการ Favourite ซึ่งอัลกอริทึมจะจัดอันดับคอนเทนต์ตามแต่ละหัวข้อ และปริมาณยอด Engagement ซึ่งวิธีเพิ่มยอดการมีส่วนร่วม ได้แก่

  • Get Verified 

X Blue หรือติ๊กฟ้า เป็นฟีเจอร์ใหม่นับตั้งแต่ Elon Musk เป็น CEO คนใหม่ โดยความสามารถของติ๊กฟ้า เปรียบเสมือนตั๋วพิเศษที่ X (Twitter) จะดันคอนเทนต์ของคุณก่อนบัญชีที่ไม่ได้ Get Verified ทั้งนี้ต้องเสียค่าบริการรายเดือน เพื่อได้รับฟีเจอร์นี้

  • ใช้ #Hashtags 

การใช้ แฮชแท็ก เป็นอีกจุดเด่นในการเพิ่มยอด Engagement ของแพลตฟอร์มนี้มาตั้งแต่อดีต ทำให้แบรนด์ถูกเชื่อมโยงเป็นส่วนร่วมของกลุ่มเป้าหมายที่กำลังพูดถึงหัวข้อต่าง ๆ ในขณะนั้น ดังนั้น ควรทำคอนเทนต์ที่มีความสดใหม่อย่างสม่ำเสมอ และสอดคล้องกับแฮชแท็ก เพื่อให้อัลกอริทึม X เปิดการมองเห็น

2. TikTok

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา TikTok ถือเป็นแพลตฟอร์มที่มีการเพิ่มขึ้นของผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก โดยในปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ใช้งานถึง 44.38 ล้านคน โดย TikTok เป็นแพลตฟอร์มสำหรับลงคอนเทนต์วิดีโอขนาดสั้น ซึ่งอัลกอริทึมจะจัดอันดับคอนเทนต์จากการวัดเวลาในการดูของผู้ชม ซึ่งเคล็ดลับเพิ่มยอด Engagement มีดังนี้

  • เสียงประกอบ

สิ่งแรกที่ไม่ควรมองของ หากต้องการเพิ่มยอด Engagement ในการทำการตลาดออนไลน์ของ TikTok คือ การเพิ่มเสียงประกอบ เช่น เสียงดนตรี เสียงพากย์ หรือเสียงเพลง ที่กำลังเป็นไวรัล หรือเป็นกำลังเป็นกระแสในขณะนั้น ก็ช่วยให้ผู้ใช้งาน TikTok เห็นคอนเทนต์ของคุณมากยิ่งขึ้น

  • ตอบกลับด้วยคลิป

นอกจากการทำคลิปแสดงความคิดเห็น ต่อประเด็นถกเถียงในสังคมแล้ว การตอบกลับความคิดเห็นคอมเมนต์ ด้วยคลิปวิดีโอ จะช่วยให้ผู้ชมเข้าใจสิ่งที่ต้องการสื่อ ได้มากกว่าการอธิบายผ่านตัวอักษร ซึ่งเป็นการเพิ่มยอด Engagement ได้เป็นอย่างดี

3. Facebook

แพลตฟอร์มขวัญใจมหาชนอย่าง Facebook เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มมีการปรับอัลกอริทึมอยู่เสมอ โดยการมีส่วนร่วมบนแพลตฟอร์มนี้ สามารถทำได้ 3 วิธี เช่น ปุ่มแสดงอารมณ์ (Reaction) การแสดงความคิดเห็น (Comment) และการกดแชร์ (Share) ซึ่งหากต้องการเพิ่มการมีส่วนร่วม สามารถทำได้ ดังนี้

  • Text on Wall

การทำคอนเทนต์ตั้งคำถาม เพื่อให้เกินการถกประเด็นในช่องคอมเมนต์ เป็นวิธียอดนิยมที่ช่วยเพิ่ม Engagement ได้เป็นอย่างดี เนื่องจาก ผู้ใช้งาน Facebook มีผู้ใช้งานที่หลากหลายช่วงวัย ทำให้การแสดงความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งนี้ควรเขียนโพสต์แบบกระชับ โดยนำเนื้อหาที่ต้องการแสดงโพสต์ในช่องคอมเมนต์แทน

  • ใช้ฟีเจอร์ Reels 

การทำวิดีโอขนาดสั้น หรือ Reels ร่วมกับการคอนเทนต์หลักของเพจ เพื่อกระตุ้นให้อัลกอริทึมดันเพจของคุณขึ้นฟีด ซึ่งอาจทำเป็นคอนเทนต์แชร์ความรู้เกี่ยวกับเพจ หรือแชร์แรงบันดาลใจ เพื่อเรียกยอดไลก์ และยอดแชร์ 

4. Instagram

Instagram เป็นแพลตฟอร์มสำหรับลงคอนเทนต์ภาพนิ่ง และคลิปวิดีโอขนาดสั้น โดยมีผู้ใช้งานในกลุ่มวัย GenZ และ GenY ซึ่งการมีส่วนร่วมของ Instagram สามารถวัดได้จาก ยอดไลก์ การแชร์ และการเซฟโพสต์ โดยวิธีเพิ่มยอด Engagement มีดังนี้

  • Instagram Stories

หนึ่งในฟีเจอร์ที่สำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับอินสตาแกรม อย่าง Stories ซึ่งการใช้ Instagram Stories เป็นกลยุทธ์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายแบบออร์แกนนิก หากมีการอัปเดตสตอรีอยู่สม่ำเสมอ จะช่วยให้อัลกอริทึม เปิดการมองเห็นแอ็กเคานต์มากยิ่งขึ้น 

  • การโต้ตอบกับผู้ติดตาม 

การให้ความสำคัญกับผู้ติดตาม ไม่ว่าจะตอบกลับความคิดเห็น การไลฟ์สด หรือการโต้ตอบผ่านสตอรี  เพื่ออัลกอริทึมได้รู้ถึงการเคลื่อนไหวแอ็กเคานต์ของคุณ อีกทั้งการโต้ตอบกับผู้ติดตาม จะทำให้ผู้ติดตามอยากคอมเมนต์อีกในครั้งถัดไป 

กลยุทธ์ Engagement Marketing ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับแบรนด์

Engagement คือ

การสร้าง Engagement คือการนำกลยุทธ์การทำการตลาดออนไลน์ มาเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค หรือที่เรียกว่า Engagement Marketing เพื่อให้คอนเทนต์ตรงต่อกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งแนวทางสร้าง Engagement Marketing ดังนี้

1. การจำลองกลุ่มเป้าหมาย

การจำลองกลุ่มเป้าหมาย (Buyer Persona) คือการจำลองพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายว่ามีความชื่นชอบ หรือความต้องการแบบไหน เพื่อให้สามารถสื่อสารกลับกลุ่มลูกได้อย่างตรงจุด

2. กำหนดตัวตนของธุรกิจ

กำหนดตัวตนของธุรกิจ (Brand Voice) เป็นการแสดงตัวตนของแบรนด์โดยการใช้เสียง หรือการสื่อสาร เพื่อทำให้กลุ่มเป้าหมายจดจำแบรนด์ ผ่านการทำวิดีโอ หรือบล็อก (Blog)  

3. แนวทางสร้างคอนเทนต์

นอกจากการทำคอนเทนต์ที่ต้องตอบโจทย์ Pesonar และ Brand Voice ที่กำหนดไว้ จะต้องสร้างคอนเทนต์ที่มีความคิดสร้างสรรค์ และเข้าใจได้ง่าย เพื่อให้ลูกค้าสนใจ 

ยกตัวอย่าง เช่น หากธุรกิจขายอุปกรณ์เกี่ยวกับกีฬาโดยกำหนด Pesona ให้กลุ่มลูกค้าวัยรุ่น และใช้ Brand Voice ผู้ที่ชอบความท้าทาย สำหรับการสร้างคอนเทนต์ ควรนำกีฬา Extreme มาประกอบ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเข้าใจ และอยากเกิดการตัดสินใจซื้อในที่สุด

4. วางแผนปล่อยคอนเทนต์

การวางแผนปล่อยคอนเทนต์ (Content Calendar) ก็มีผลต่อการสร้าง Engagement เนื่องจาก ผู้ใช้งานแต่ละแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย มีช่วงเวลาการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรเลือก วัน และช่วงเวลาที่ตรงกับผู้เข้าชมจำนวนมาก

5. วัดประสิทธิภาพคอนเทนต์

หลังจากเผยแพร่คอนเทนต์ลงแพลตฟอร์มต่าง ๆ แล้ว ควรนำยอด Engagement มาวัดประสิทธิภาพ เพื่อนำไปปรับปรุง หรือพัฒนาคอนเทนต์ในครั้งถัดไป

เป็นอย่างไรกันบ้างกับความรู้เกี่ยวกับ Engagement ที่ได้นำเสนอในวันนี้ โดยสรุป Engagement คือ การมีส่วนร่วมของกลุ่มลูกค้า ที่ได้ตอบโต้ในโพสต์ของแบรนด์บนโลกออนไลน์

ทั้งนี้ การมียอด Engagement สูงอาจไม่ได้การันตียอดขาย ฉะนั้นควรพิจารณากลุ่มเป้าหมายให้เป็นอย่างดี เพื่อให้กลุ่มลูกค้าเกิด Brand Royalty ซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จในอนาคต

สำหรับใครที่ต้องการเพิ่มยอด Engagement ก็สามารถเลือกใช้บริการจาก Common Ground เอเจนซี กันได้ เพราะเราเชี่ยวชาญด้านการทำคอนเทนต์ และเป็นที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ทุกรูปแบบ หากต้องการปรึกษา หรือสอบถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อเราได้ที่

Tel. 081-426-6695

Email : [email protected]

Facebook Page : Common Ground