คอนเทนต์การตลาด vs คอนเทนต์ดั้งเดิม ต่างกันอย่างไร
เชื่อว่าคนที่ทำธุรกิจคงคุ้นเคยกับการตลาดแบบดั้งเดิมกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น การนำเสนอคอนเทนต์การตลาด หรือ Content Marketing , การโฆษณาสินค้า และบริการผ่านโทรทัศน์ ป้ายโฆษณา หรือสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ
แต่ในปัจจุบันเมื่อการทำธุรกิจเริ่มเข้าสู่โลกดิจิทัล ส่งผลให้กลยุทธ์ในการทำการตลาด ต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น
ดังนั้น บทความในวันนี้ Common Ground จะมาแชร์ความรู้เกี่ยวกับคอนเทนต์การตลาด มีความแตกต่างจากคอนเทนต์ดั้งเดิมอย่างไร ถ้าพร้อมแล้วไปดูกัน
เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
ส่องความต่าง คอนเทนต์การตลาด vs คอนเทนต์ดั้งเดิม
การตลาด (Marketing) คือ กลยุทธ์ที่แบรนด์ใช้ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้สนใจสินค้า และบริการผ่านการสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ โดยมีจุดประสงค์ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมาย ที่มีแนวโน้มจะเป็น “ลูกค้า” เริ่มรู้จัก และตัดสินใจเป็นลูกค้าของแบรนด์ โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้
การตลาดออนไลน์
การตลาดออนไลน์ (Online Marketing) คือ การทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ โดยจำเป็นต้องใช้สื่อดิจิทัล ในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย และการสร้างฐานลูกค้า ซึ่งประเภทของการตลาดออนไลน์มีทั้งหมด 7 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
1. Search Engine Marketing (SEM)
SEM คือ การทำการตลาดออนไลน์ผ่านเครื่องมือ อย่าง Search Engine โดยจะทำการตลาดผ่านการเลือกซื้อ Keyword ที่มีผู้ค้นหาจำนวนมาก และทำการดันหน้าสินค้าของคุณให้ผู้ค้นหาเจอเว็บไซต์แบรนด์ของคุณเป็นอันดับแรก ๆ
2. Search Engine Optimization (SEO)
SEO เป็นการตลาดคล้าย SEM แต่ต่างกันตรงที่ SEO จะไม่มีการใช้เงินในการดันเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรกของการค้นหาคีย์เวิร์ด แต่จะวัดจากคุณภาพของเว็บไซต์ และเนื้อหาภายในเว็บไซต์โดยรวม ว่ามีความเกี่ยวข้อง และมีคุณภาพมากพอให้ที่จะเปลี่ยนผู้อ่านให้กลายเป็นลูกค้าได้
3. Social Media Marketing
การตลาดออนไลน์อีกประเภทที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในยุคดิจิทัล เนื่องจากเป็นการทำการตลาดบนโซเชียลมีเดีย อย่าง Facebook Instagram หรือ Youtube เป็นต้น ซึ่งในแต่ละแพลตฟอร์มจะมีวิธีการที่แตกต่างกันไปตามความเหมาะสม
4. Content Marketing
การทำการตลาดโดยใช้คอนเทนต์เป็นสารที่ต้องการจะสื่อกับกลุ่มเป้าหมาย โดยคอนเทนต์การตลาด หรือ Content Marketing จะช่วยทำให้วัตถุประสงค์ต่าง ๆ สำเร็จขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็น การส่งมอบความรู้ การดึงความสนใจกลุ่มเป้าหมาย และการกระตุ้นเป้าหมายให้ตัดสินใจ รวมไปถึงการสร้างยอดขาย
5. Email Marketing
การทำการตลาดผ่านช่องทาง Email โดยวิธีการนี้สำคัญสำหรับการติดต่อสื่อสารทางด้านธุรกิจเป็นอย่างมาก ซึ่งสำหรับธุรกิจที่เน้นกลุ่มลูกค้าประเภท Business to Business ยังจำเป็นต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มรูปแบบนี้
6. Influencer Marketing
การทำการตลาดผ่าน Influencer โดยส่วนมากมักจะทำการตลาดผ่านแคมเปญ หรือเลือกให้ Influencer ผลิตคอนเทนต์ และสื่อสารผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของเขา
7. Digital Advertising
การทำโฆษณาออนไลน์ เป็นการตลาดที่แบรนด์จำเป็นต้องใช้เงินลงทุน เพื่อซื้อพื้นที่บนโลกออนไลน์ที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายในการโปรโมตสินค้า และบริการ ซึ่งการทำการตลาดประเภทนี้เป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะสามารถเลือก และกำหนดวัตถุประสงค์ของการทำแคมเปญโฆษณาได้
ข้อดี ข้อเสีย ของการตลาดออนไลน์
ข้อดี
- สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ เพราะการทำการตลาดออนไลน์บนออนไลน์แพลตฟอร์ม โดยทางแบรนด์สามารถเข้าไปควบคุมงบประมาณได้จากเครื่องมือ Ads ของแต่ละแพลตฟอร์ม
- มีเทคโนโลยีคอยช่วยวิเคราะห์ข้อมูลระหว่างทำการตลาดได้แบบ Real Time โดยคุณสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาตัดสินใจ และปรับปรุงวิธีการทำธุรกิจได้ทันที
- ทำการตลาดได้จากทุกที่ ทุกเวลา เพราะการทำการตลาดบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ไม่ได้มีการจำกัดพื้นที่ ด้วยความที่โลกอินเตอร์เน็ตไม่มีขอบเขตตายตัว ทำให้แบรนด์สามารถยิง Ads ไปยังจังหวัด และประเทศต่าง ๆ ได้
ข้อเสีย
- การแข่งขันสูง เพราะการทำการตลาด Online Marketing สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ ส่งผลให้ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะเล็ก หรือใหญ่ก็สามารถทำการตลาดได้
- ใช้ทักษะการเรียนรู้ด้านดิจิทัลอย่างครอบคลุมทุกด้าน เพราะการตลาดออนไลน์เป็นเรื่องใหม่ จึงต้องการทักษะ และกลยุทธ์ใหม่ ๆ ในการทำการตลาดอยู่เสมอ
- ด้วยความที่การตลาดออนไลน์เป็น Two way communication ที่ลูกค้าสามารถสื่อสารกับแบรนด์ได้ ดังนั้นหากเกิดกระแสด้านลบเกี่ยวกับแบรนด์ ลูกค้าก็สามารถให้ฟีดแบกได้อย่างเปิดเผย จนอาจกระทบต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้
การตลาดแบบดั้งเดิม
การตลาดแบบดั้งเดิม (Traditional Marketing) คือ การทำการตลาดผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่ไม่ใช่ช่องทางออนไลน์ หรือเรียกว่าการสื่อสารช่องทางเดียว ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ วิทยุ หรือป้ายบิลบอร์ด ซึ่งการทำการตลาดแบบดั้งเดิม สามารถแบ่งได้ 5 ประเภท คือ
1. Billboard
ป้ายบิลบอร์ด หรือป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ตามถนน หรือทางด่วนที่มักจะดึงดูดความสนใจของผู้คนที่เดินทางผ่านไปมา โดยทางแบรนด์จะเน้นการสื่อสารด้วยข้อความ หรือรูปภาพขนาดใหญ่ บนพื้นที่ที่กลุ่มเป้าหมายของธุรกิจอาศัยอยู่ หรือพื้นที่ที่มีคนผ่านไปมาเยอะ ๆ
2. Printed Media
การตลาดที่แบรนด์ต้องพึ่งพาสื่อ อย่าง หนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารในการสื่อสารข้อมูลไปยังกลุ่มเป้าหมาย แต่ทั้งนี้การทำใบปลิวแจกตามงานอีเวนต์ หรือตามสถานที่ต่าง ๆ ก็เป็นอีกตัวอย่างของ Printed Media เช่นกัน
3. Broadcast
การตลาดผ่านการ Broadcast เช่น วิทยุ หรือโทรศัพท์ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย และเข้าถึงได้จำนวนมากในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งการบรอดแคสต์ยังมีการใช้มาจนถึงปัจจุบัน แต่จะเป็นการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ อย่าง Line เป็นต้น
4. Direct Mail
การตลาดในรูปแบบของการส่งจดหมายไปยังที่อยู่ของกลุ่มเป้าหมาย หรือกลุ่มลูกค้าของแบรนด์ ซึ่งในปัจจุบันการตลาดแบบ Direct Mail ยังถูกใช้กับธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุตสาหกรรม ด้านการเงิน
5. Telemarketing
การตลาดแบบดั้งเดิมประเภทสุดท้าย คือ การตลาดที่เน้นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และลูกค้าผ่านเบอร์โทรศัพท์ (Telemarketing) ไม่ว่าจะเป็น การโทรหา หรือการส่งข้อความทางโทรศัพท์ (SMS) ก็ถือเป็นการตลาดประเภทนี้เช่นกัน
ข้อดี ข้อเสีย ของการตลาดแบบดั้งเดิม
ข้อดี
- การตลาดแบบดั้งเดิมยากต่อการมองข้าม หรือเพิกเฉย ยิ่งเป็นโฆษณาบนบิลบอร์ดที่ตั้งอยู่บนทางด่วนที่มีผู้คนสัญจรไปมาตลอดเวลา และยิ่งในเวลาที่รถติด ด้วยความโดดเด่นของป้ายจึงยากที่จะมองข้าม
- เป็นที่น่าจดจำ ระหว่างที่เดินทางไปข้างนอก เชื่อว่ามีหลายคนที่จำป้ายโฆษณาได้ โดยเฉพาะโฆษณาที่ติดตามรถเมล์ และบิลบอร์ด หรือตามป้ายรถเมล์ เป็นต้น
- สามารถเข้าถึงลูกค้าได้หลากหลาย เพราะการตลาดแบบดั้งเดิมมีอยู่แทบทุกที่ที่ไม่ใช่ช่องทางออนไลน์ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้แบรนด์เป็นที่น่าจดจำแล้ว ยังเป็นการสร้างการรับรู้ (Awareness) ได้อีกด้วย
ข้อเสีย
- ทำการวัดผลได้ยาก เพราะไม่มีเครื่องมือที่ช่วยติดตามข้อมูล ว่ามีคนเห็นโฆษณาทั้งหมดกี่คน หรือมีคนซื้อสินค้าจากโฆษณากี่คน จะได้เพียงการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ให้กับกลุ่มคนที่เห็น
- กำหนดขอบเขตยาก เพราะไม่สามารถทำการตั้งค่า หรือระบุกลุ่มเป้าหมายแบบเฉพาะผ่านการโฆษณาได้
- ใช้ต้นทุนเยอะ เพราะการลงทุนกับการตลาดแบบดั้งเดิม ต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างเยอะ และไม่สามารถแบ่งงบประมาณ หรือลองเทสต์โฆษณาได้
กล่าวสรุป คือ การตลาด หรือ Content Marketing ทั้งสองแบบมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะพื้นที่ที่ใช้ในการโปรโมตสินค้า และบริการของแบรนด์ อย่างไรก็ตาม การตลาดทั้งสองแบบมีความสำคัญ ข้อดี และข้อเสียแตกต่างกัน
ขึ้นอยู่กับว่าวัตถุประสงค์ของแบรนด์ต้องการทำการตลาดแบบไหน หรือกลุ่มเป้าหมายคือใคร เพราะบางจุดประสงค์ก็เหมาะสมกับวิธีการทำการตลาดแต่ละแบบต่างกัน สุดท้ายนี้ สำหรับใครที่อยากจะมีแบรนด์ หรือธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่ยังไม่มั่นใจเรื่องความรู้ในการทำการตลาด
ให้ คอมม่อน กราวด์ เอเจนซีรับทำ Content Marketing เป็นหนึ่งในตัวเลือก เพราะเรามีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการทำการตลาดออนไลน์ทุกรูปแบบ หากสนใจสามารถติดต่อได้ที่
Tel: 081-426-6695
Email: [email protected]
Facebook Page: Common Ground