SEO SEM ต่างกันอย่างไร เลือกยังไงให้เหมาะสมกับธุรกิจ
ปัจจุบันการแข่งขันในธุรกิจออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ทำให้การตลาดบน Search Engine กลายเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดที่ผู้ประกอบการ หรือเจ้าของธุรกิจให้ความสำคัญ
สำหรับใครที่ยังไม่เข้าใจว่า SEO SEM แตกต่างกันอย่างไร บทความนี้ Common Ground จะมาอธิบายเกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาด SEO SEM อย่างละเอียด พร้อมบอกข้อดี ข้อเสียต่าง ๆ เพื่อให้คุณตัดสินใจเลือกใช้กลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมกับธุรกิจได้
เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
ทำความรู้จัก SEO และ SEM คืออะไร ?
การทำ SEO และ SEM มีจุดประสงค์เดียวกัน คือ การเพิ่มการมองเห็นของเว็บไซต์บนหน้าผลการค้นหา หรือ Search Engine Results Page (SERP) แต่ทั้ง 2 กลยุทธ์มีหลักการที่ต่างกัน ดังนี้
- SEO (Search Engine Optimization)
SEO คือ การทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับในผลการค้นหาแบบ Organic ด้วยกระบวนการปรับแต่งเว็บไซต์ และสร้างคอนเทนต์ให้มีคุณภาพ เพื่อให้ Search Engine เห็นว่าเว็บไซต์ธุรกิจของคุณ มีความเกี่ยวข้องการ Keyword ที่ผู้ใช้งานกำลังค้นหา
เมื่อทำ SEO จนติดอันดับ และผู้ใช้งานมีการค้นหาด้วย Keyword ที่เกี่ยวข้อง เว็บไซต์ของคุณจะปรากฏในอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหา โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการโฆษณา ซึ่งการทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จ ต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของ 3 ปัจจัยหลัก ดังนี้
- On-site / On-page SEO
การปรับแต่งองค์ประกอบต่าง ๆ ในเว็บไซต์ เพื่อให้ Search Engine เข้าใจเนื้อหา และโครงสร้างของเว็บไซต์ได้ดีขึ้น ประกอบไปด้วย
- การใช้ Keyword ที่เหมาะสมในเนื้อหา ห้วข้อ และ Meta Tags
- การสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ และตรงกับความต้องการของผู้ใช้
- การปรับแต่ง URL ให้เป็นมิตรกับ Search Engine
- การใช้ Internal Link อย่างมีประสิทธิภาพ
- Off-page SEO
การสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์จากภายนอก โดยมีเป้าหมายหลัก คือ การได้รับลิงก์ย้อนกลับ (Backlinks) ที่มีคุณภาพจากเว็บไซต์อื่น ๆ ซึ่งวิธีการทำ Off-page SEO ประกอบด้วย
- การสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ และน่าแชร์ต่อ
- การทำ Guest Posting บนเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมเดียวกัน
- การสร้างความสัมพันธ์กับ Influencer และผู้มีอิทธิพลในวงการ
- การมีส่วนร่วมในสังคมออนไลน์ และ Social Media
- Technical SEO
การปรับแต่งด้านเทคนิคของเว็บไซต์ เพื่อให้ Search Engine เข้าถึง Crawl และ Index เว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธภาพ ประกอบด้วย
- การปรับปรุงความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์
- การปรับปรุงให้เว็บไซต์เป็น Mobile-Friendly
- การใช้ SSL Certificate เพื่อความปลอดภัย
- การสร้าง XML Sitemap และ Robots.txt ที่เหมาะสม
- SEM (Search Engine Marketing)
SEM คือ การทำการตลาดบน Search Engine แบบเสียค่าใช้จ่ายโดยการซื้อโฆษณา เพื่อให้เว็บไซต์ปรากฏในสายตาของผู้ใช้งาน บนผลการค้นหาก่อนคู่แข่ง โดยสังเกตได้จากคำว่า “ได้รับการสนับสนุน” หรือ “Sponsored” กำกับไว้
นอกจากนี้ ผู้ลงโฆษณาต้องจ่ายเงินให้กับ Search Engine ทุกครั้งที่มีการคลิกเข้าชมเว็บไซต์ผ่านโฆษณานั้น ๆ หรือเรียกว่า Pay-Per-Click (PPC) อีกทั้ง SEM ยังเป็นกลยุทธ์การตลาดบน Search Engine ที่ให้ผลลัพธ์รวดเร็วกว่า SEO โดย SEM มีหลักการทำ ดังนี้
- การเลือก Keyword การทำ SEM จะต้องวิเคราะห์ และเลือกใช้ Keyword ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจจนนำไปสู่การขายได้
- การสร้างโฆษณา การออกแบบข้อความโฆษณาที่ช่วยดึงดูดความสนใจ และตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
- การกำหนดงบประมาณ การตั้งงบประมาณสำหรับแต่ละแคมเปญ และกำหนด Bid สูงสุดที่ยินดีจ่ายต่อการคลิกแต่ละครั้ง
- การติดตาม และวิเคราะห์ผล โดยใช้เครื่องมือวิเคราะห์ เพื่อติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญ และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
ตอบคำถาม SEO และ SEM แตกต่างกันอย่างไร
ความแตกต่างระหว่าง SEO และ SEM นอกจากเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำการตลาดออนไลน์แล้ว ยังมีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกัน ดังนี้
- ค่าใช้จ่าย: การทำ SEO ไม่มีฆ่าโฆษณาโดยตรง แต่อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากใช้บริการรับทำ SEO จากผู้เชี่ยวชาญ และสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่น่าสนใจ แต่ SEM มีค่าใช้จ่ายโดยตรงเรื่องการซื้อโฆษณาแบบ Pey-Per-Click
- ระยะเวลาการเห็นผลลัพธ์: การทำ SEO อาจใช้เวลาค่อนข้างนานกว่า SEM ในขณะที่ SEM จะเห็นผลทันทีเมื่อเริ่มแคมเปญ
- ความยั่งยืน: SEO ให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนกว่า และสามารถรักษาอันดับได้นานกว่า ส่วน SEM ผลลัพธ์จะหยุดทันทีหากหยุดจ่ายเงิน
- ความน่าเชื่อถือ: ผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะเชื่อถือผลการค้นหาแบบ Organic ในขณะที่ผู้ใช้บางคนอาจมองว่า SEM เป็นเพียงการโฆษณา
- ความยืดหยุ่น: SEO ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ช้า แต่ SEM สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้รวดเร็ว
- การควบคุมผล: SEO ไม่สามารถควบคุมผลได้โดยตรง ขึ้นอยู่กับอัลกอริทึม แต่ SEM ควบคุมได้ผ่านการปรับ Bit และงบประมาณ
เรื่องต้องรู้ ! Search Engine ทำงานอย่างไร ?
Search Engine เป็นระบบที่ช่วยให้ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต สามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว และตรงประเด็น โดย Search Engine มีขั้นตอนการทำงาน ดังนี้
- Crawling : การที่ Search Engine ส่ง Spider หรือ Bot ไปสำรวจเว็บไซต์ต่าง ๆ ทั่วอินเทอร์เน็ต
- Indexing : ข้อมูลที่ได้จากการ Crawl จะถูกนำมาจัดเก็บ และจัดหมวดหมู่ในฐานข้อมูลของ Search Engine
- Ranking : เมื่อผู้ใช้งานใส่คำค้นหา Search Engine จะประมวลผล และจัดอันดับเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องตามความเหมาะสม
เมื่อเข้าใจการทำงานขั้นพื้นฐานของ Search Engine แล้ว เราสามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้ในการทำการตลาดออนไลน์ ด้วยการทำ Search Marketing (การตลาดบนเครื่องมือค้นหา) เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้เว็บไซต์ประกฏบนหน้าผลการค้นหาของ Search Engine ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Google, Bing หรือ Yahoo เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม Search Marketing มีหลายรูปแบบ ทั้งแบบเสียเงินโฆษณา (Paid) และแบบไม่เสียเงิน (Organic) ซึ่งคุณสามารถเลือกใช้ได้ตามวัตถุประสงค์ หรือตามความเหมาะสมกับธุรกิจ
SEO SEM สำคัญต่อการทำธุรกิจอย่างไร ?
เนื่องจาก SEO และ SEM เป็นส่วนหนึ่งของ Search Marketing ที่สำคัญต่อการทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ โดยมีข้อดีดังนี้
- เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าเป้าหมาย
- เพิ่มยอดขาย และ ROI
- การติดอันดับต้น ๆ บนหน้าผลการค้นหา จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้
- ช่วยวิเคราะห์ และปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด ด้วยการติดตามผลลัพธ์ และพฤติกรรมของผู้ใช้
- เพิ่มการรับรู้แบรนด์ ด้วยการปรากฏในผลการค้นหาบ่อย ๆ เป็นต้น
สำหรับใครที่ต้องการหาผู้เชี่ยวชาญ หรือบริษัทรับทำการตลาดคุณภาพ ทั้ง SEO SEM เราขอแนะนำ Common Ground Agency บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ และการยิงแอดที่มีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญในการทำการตลาดมานานกว่า 6 ปี
เราจะคอยดูแลธุรกิจ รวมไปถึงทำเว็บไซต์ของคุณให้มีคุณภาพ และมีประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน หากสนใจพร้อมให้เราดูแลสามารถติดต่อเพื่อสอบถาม หรือปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่
Tel.081-426-6695
Email: [email protected]
Facebook Page: Common Ground