เทคนิค โฆษณาสินค้าให้ได้ใจผู้บริโภค กระตุ้นยอดขาย พร้อมยกตัวอย่าง
ปัจจุบันถ้าพูดถึงวิธีที่รวดเร็ว และได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดในการโปรโมตสินค้า และบริการ นั่นคือ “การโฆษณาสินค้า” ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญ ที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น และนำไปสู่การสร้าง Conversion ที่สามารถวัดผลได้
อย่างไรก็ตาม การทำโฆษณาสินค้าไม่ได้ง่ายเสมอไป เพราะการมีงบประมาณเพียงพอ ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ทำให้โฆษณาประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ เจ้าของธุรกิจต้องรู้จักเลือกใช้แพลตฟอร์มให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น การใช้โซเชียลมีเดียในการเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่
หรือการใช้ Google Ads ในการเข้าถึงคนที่กำลังค้นหาสินค้า หรือบริการที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ การเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค เช่น การรู้ว่าผู้บริโภคชื่นชอบอะไร ไม่ชอบอะไร และมีพฤติกรรมการซื้อลักษณะไหน จะช่วยให้การวางแผนโฆษณามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
บทความนี้ Common Ground จะมาแชร์เทคนิคการสร้างโฆษณาสินค้าให้มีประสิทธิภาพ เพื่อโน้มน้าวใจผู้บริโภคแบบอยู่หมัด พร้อมยกตัวอย่างโฆษณากระตุ้นการซื้อ เพิ่มยอดขายได้อย่างทันใจ
เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
ทำไม “การโฆษณาสินค้า” ถึงสำคัญต่อธุรกิจ ?
ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่ การโฆษณาสินค้าถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ขาดไม่ได้สำหรับทุกธุรกิจ มาดูกันว่า ทำไมการทำโฆษณาถึงเป็นหัวใจสำคัญสู่ความสำเร็จ ที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าธุรกิจของคุณ
- ช่วยสร้างการรับรู้
การสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ (Brand Awareness) เป็นขั้นตอนแรกในการทำให้ลูกค้ารู้จักธุรกิจของคุณ ว่าเป็นธุรกิจอะไร มีความเชี่ยวชาญด้านไหน และสามารถแก้ปัญหาให้กับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างไร เช่น การใช้ Google Ads ในการโฆษณาผ่านคำค้นหา (Keywords)
Google Ads ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือยอดนิยม ที่ช่วยเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ เนื่องจาก พฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่มักค้นหาสิ่งที่อยากรู้ผ่าน Google เป็นอันดับแรก
ทำให้การแสดงโฆษณาในตำแหน่งที่สะดุดตาบน Google จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ที่ยังไม่คุ้นเคยกับแบรนด์ของคุณได้ง่ายขึ้น
- ช่วยในการพิจารณา
นอกจากการสร้างการรับรู้แล้ว โฆษณายังมีบทบาทสำคัญในการทำให้ลูกค้าพิจารณา (Consideration) และเปรียบเทียบสินค้าของคุณกับคู่แข่ง อย่างเช่น การโฆษณาโดยใช้กลยุทธ์ Influencer Marketing
ซึ่งอินฟลูเอนเซอร์จะรีวิวสินค้า และบริการของคุณ ทำให้ผู้บริโภคมีข้อมูลเพียงพอในการตัดสินใจเพื่อเลือกสินค้า หรือบริการที่ตรงกับความต้องการนั่นเอง
- ช่วยในการตัดสินใจซื้อ
การใช้โฆษณา มีส่วนช่วยสำคัญในการโน้มน้าวใจเพื่อตัดสินใจซื้อ (Decision) โดยเฉพาะการทำ Retargeting ซึ่งเป็นการเผยแพร่โฆษณาให้กับลูกค้า ที่เคยเข้ามาในเว็บไซต์ของเราแต่ยังไม่ได้ซื้อสินค้า เพื่อกระตุ้นให้เกิดความต้องการ และตัดสินใจซื้อสินค้า เช่น การยิงโฆษณา ที่มีข้อเสนอพิเศษผ่าน Social Media เป็นต้น
4 เทคนิค สร้างโฆษณาให้น่าสนใจ พร้อมตัวอย่าง
การโฆษณาสินค้าให้น่าสนใจ และมีประสิทธิภาพ จะช่วยดูดความสนใจของผู้บริโภค และกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อได้มากขึ้น ซึ่งเทคนิคง่าย ๆ ที่ช่วยให้แคมเปญโฆษณาของคุณโดดเด่น และน่าจดจำ มีดังนี้
1. เลือกใช้สโลแกนสินค้าที่ดึงดูดใจ
สโลแกน (Slogan) คือ วลี หรือประโยคที่คิดขึ้นเพื่ออธิบายสินค้า หรือบริการแบบสั้นกระชับ เพื่อให้แบรนด์เป็นที่จดจำ และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดได้ แม้จะขายสินค้าชนิดเดียวกัน
ทั้งนี้ การสร้างสโลแกนสินค้าที่ดี ควรใช้คำที่สั้น กระชับ และเข้าใจง่าย สื่อถึงประโยชน์ และคุณค่าของสินค้า หรือบริการที่เรานำเสนอได้อย่างชัดเจน เพราะหากใช้สโลแกนที่ยาวเกินไป อาจทำให้ยากต่อการจดจำได้
ยกตัวอย่าง สโลแกนสินค้าจากโฆษณาดังที่จำได้ขึ้นใจ เช่น
- คิทแคท: คิดจะพัก คิดถึงคิทแคท
- 7-eleven: หิวเมื่อไร…ก็แวะมา
- แลคตาซอย: แลคตาซอย 5 บาท 125 มิลลิลิตร
- ฟาร์มเฮ้าส์: ฟาร์มเฮ้าส์ หอมกรุ่นจากเตาทุกวัน
- กระทิงแดง: เป้าหมายมีไว้พุ่งชน
- OREO: บิด ชิมครีม จุ่มนม
- Bar B Q Plaza: อร่อยจริงเรื่องปิ้งย่าง
นอกจากนี้ ยังมีสโลแกนสินค้าเด็ด ๆ ที่แม้ไม่อยู่ในโฆษณาดัง ก็เรียกยอดขายปัง ๆ และเป็นที่จดจำได้เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น
- อาหารจานด่วน มาแต่จาน อาหารรอก่อนนะ
- คำแรกติดใจ คำต่อไปติดเตียง
- อาหารที่ว่าเผ็ด ยังไม่เด็ดเท่าคนขาย
- ขาดทุนไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้
- ใส่ใจได้แค่มอง อยากลองก็มาชิม
- แม่ค้าใจดี แถมฟรี พริกน้ำปลา ไม่อั้น
2. ใช้สื่อที่หลากหลาย
การใช้สื่อในการโฆษณาสินค้านั้น ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเขียนข้อความ แต่ยังรวมถึงการใช้ภาพ หรือวิดีโอเข้ามาช่วยในการกระตุ้นความสนใจได้ ทั้งนี้ การเลือกใช้สื่อควรเลือกให้เหมาะกับแพลตฟอร์ม และกลุ่มเป้าหมายของสินค้านั้น ๆ เช่น
- Instagram: เหมาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ชอบความสวยงาม และทันสมัย ให้เน้นโฆษณาที่ใช้ภาพสวย ดูดี หรือวิดีโอสั้น ๆ สำหรับสินค้าแฟชั่น อาหาร และการท่องเที่ยว
- TikTok: เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่น และคนรุ่นใหม่ ควรใช้วิดีโอสั้นแบบสนุกสนาน หรือท้าทาย สำหรับสินค้าที่เน้นความบันเทิง หรือไลฟ์สไตล์ เป็นต้น
- YouTube: เหมาะสำหรับสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ที่ต้องการคำอธิบายมาก ให้ทำเป็นวิดีโอยาวโดยให้ข้อมูลเชิงลึก หรือสาธิตการใช้งาน
- Facebook: สำหรับสินค้าทั่วไปที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลากหลายวัย สามารถใช้ได้ทั้งข้อความ ภาพ และวิดีโอ
3. ใช้ข้อเสนอพิเศษเพื่อกระตุ้นการซื้อ
หนึ่งในกลยุทธ์การตลาดที่ช่วยกระตุ้นการซื้อ คือ การทำการตลาดด้วยข้อเสนอพิเศษ ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบของส่วนลด โปรโมชันพิเศษ หรือของแถมก็ได้ เช่น การเสนอส่วนลด 20% สำหรับการสั่งซื้อครั้งแรก หรือการให้ของแถมมูลค่าสูง เมื่อซื้อสินค้าครบตามยอดที่กำหนด เป็นต้น ซึ่งข้อเสนอเหล่านี้จะสร้างความรู้สึกคุ้มค่า และกระตุ้นให้ลูกค้าต้องการประโยชน์พิเศษนั้น
อย่างไรก็ตาม การใช้ข้อเสนอพิเศษเพียงอย่างเดียวอาจไม่พอ และนี่คือจุดที่การตลาดแบบขาดแคลน (Scarcity Marketing) เข้ามามีบทบาท โดยกลยุทธ์นี้จะสร้างความรู้สึกเร่งด่วน และความกลัวที่จะพลาดโอกาส (FOMO – Fear Of Missing Out) เช่น การจำกัดจำนวนสินค้า “เหลือเพียง 5 ชิ้นสุดท้าย ! ” หรือการจำกัดเวลา เช่น “โปรโมชันสิ้นสุดวันนี้เท่านั้น ! “
4. ทำ Call-to-Action (CTA)
Call-to-Action คือ คำที่กระตุ้นการตัดสินใจ หรือปุ่มที่จะให้ผู้รับชม คลิกเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง เช่น สมัครสมาชิก ลงทะเบียน ติดตาม ซื้อสินค้า หรือนำผู้ชมมายังเว็บไซต์
CTA เป็นองค์ประกอบสำคัญในการทำโฆษณา ที่จะชี้ขาดระหว่างการโฆษณาสินค้าที่ประสบความสำเร็จ กับโฆษณาที่ล้มเหลว ซึ่งการทำปุ่ม CTA นี้จะต้องชัดเจน และตรงประเด็น โดยใช้คำที่สั้น กระชับ และสื่อความหมายได้ทันที เช่น ซื้อเลย ติดต่อเรา ลงทะเบียนวันนี้ หรือดาวน์โหลดฟรี เป็นต้น
หนึ่งในเทคนิคที่มีประสิทธิภาพในการทำ CTA คือ การออกแบบ ซึ่ง CTA ที่กระตุ้นให้เกิดการคลิกได้ ควรมีความโดดเด่น และแตกต่างจากส่วนอื่น ๆ ของโฆษณา เช่น การใช้สีที่ตัดกับพื้นหลัง หรือการใช้ปุ่มที่มีขนาดใหญ่ เพื่อช่วยดึงดูดสายตา
อีกทั้งตำแหน่งของ CTA ก็มีผลต่อประสิทธิภาพเช่นกัน โดยทั่วไป CTA ควรอยู่ในตำแหน่งที่เห็นได้ชัด โดยไม่ต้องเลื่อนหน้าจอ ซึ่งในกรณีของเว็บไซต์ ขอแนะนำให้วาง CTA ไว้ด้านบนของหน้าเว็บ หรือท้ายข้อความก็จะได้ผลดีมาก
นอกจากนี้ การสร้างความรู้สึกเร่งด่วนโดยใช้ Scarcity Marketing มาใส่ใน CTA ก็สามารถกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจเร็วขึ้นได้ เช่น การเพิ่มข้อความ “มีจำนวนจำกัด” หรือ “เฉพาะวันนี้เท่านั้น” ลงไป
สุดท้ายนี้ Common Ground Agency เรามีความเชี่ยวชาญในการสร้างแคมเปญโฆษณาที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย โดยใช้เทคนิคเหล่านี้ และอีกมากมาย เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างก้าวกระโดด หากคุณต้องการยกระดับการโฆษณา
ไม่ว่าจะเป็น การสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจ หรือการยิงแอดที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย เรายินดีให้คำปรึกษา และช่วยเหลือคุณในทุกขั้นตอน หากสนใจติดต่อเราได้ที่
Tel. 081-426-6695
Email: [email protected]
Facebook Page: Common Ground